วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ก้อนหินแปลกๆ รูปทรงกลมๆ บนดาวอังคาร



นักวิทยาศาสตร์เห็นภาพก้อนหินแปลกๆ รูปทรงกลมๆ บนดาวอังคารจากยานโรเวอร์รุ่นเก๋าของนาซา แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าคืออะไร

ภาพใหม่จากยานออพพอร์จูนิตี (Opportunity) ยานสำรวจเคลื่อนที่ (rover) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) เผยภาพชั้นหินที่โผล่ออกมามีรูปทรงกลมแปลกๆ เหมือนตุ่มปูดพองที่เบียดกันแน่น ซึ่งสเปซดอตคอม ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ในภารกิจยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าคืออะไร

เมื่อเห็นครั้งแรกทีมนักวิทยาศาสตร์คิดว่าเป็น “ก้อนบลูเบอรีดาวอังคาร” (Martian blueberries) ก้อนกลมๆ ที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งออพพอร์จูนิตีบันทึกภาพได้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2004 แต่ชั้นหินที่เรียกว่า “เคิร์กวูด” (Kirkwood) ก็มีลักษณะสำคัญหลายอย่างที่ต่างออกไป

สตีฟ สไควเรส (Steve Squyres ) ผู้ติดตามหลักในภารกิจสำรวจของยานโรเวอร์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ (Cornell University) นิวยอร์ก สหรัฐฯ กล่าวว่าภาพก้อนหินกลมๆ นี้เป็นหนึ่งในภาพไม่ธรรมดาที่สุดของภารกิจยานออพพอร์จูนิตี ซึ่งในจำนวนนั้นมี “บลูเบอรีดาวอังคาร” แต่กรณีของชั้นหินล่าสุดนี้มีลักษณะที่แตกต่าง เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นก้อนกลมเล็กๆ ที่รวมตัวกันแน่นในชั้นหินดาวอังคารที่โผล่ออกมาเช่นนี้

ตอนนี้ยานออพพอร์จูนิตีกำลังสำรวจบริเวณที่เรียกว่าเคปยอร์ก (Cape York) ทางขอบตะวันตกของหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่บนดาวอังคารที่ชื่อ “เอนเดฟเวอร์” (Endeavour) ซึ่งชั้นหินเคิร์กวูดเป็นเพียงหนึ่งจุดสำรวจในบริเวณเคปยอร์กของยาน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังสำรวจชั้นหินอื่นๆ ที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งอาจจะมีแร่ธาตุที่น่าสนใจอยู่ และจะทำการศึกษาหลังยานเสร็จสิ้นการวิเคราะห์ในภารกิจปัจจุบัน

นักวิทยาศาสตร์ในภารกิจ กล่าวอีกว่า ยานออพพอร์จูนิตีได้สำรวจพบบลูเบอรีดาวอังคารอยู่หลายครั้งในพื้นที่สำรวจหลายแห่งบนดาวอังคาร แต่รูปทรงปูดโปนเป็นทรงกลมอย่างที่เห็นในชั้นหินเคิร์กวูดนี้เพิ่งพบเป็นครั้งแรก และในภาพล่าสุดที่ส่งมานี้รูปทรงแปลกๆ หลายอันก็แตกหักเผยให้ทรงกลมในใจกลางที่แปลกประหลาดอยู่ภายใน

สไคเรส กล่าวว่า รูปทรงกลมนั้นดูเหมือนจะกรอบนอก และนุ่มในใจกลาง และต่างมีความหนาแน่นที่แตกต่างกัน มีโครงสร้างแตกต่างกัน มีองค์ประกอบแตกต่างกัน และกระจายตัวต่างกัน ซึ่งนับเป็นปริศนาทางธรณีวิทยาอันน่าอัศจรรย์ที่พวกเขามี โดยเขาและทีมมีทฤษฎีอธิบายเรื่องนี้อย่างหลากหลาย แต่ยังไม่มีทฤษฎีไหนที่ดีที่สุดที่จะอธิบายได้ว่าอะไรทำให้เกิดโครงสร้างประหลาดนี้บนดาวอังคาร ซึ่งคงต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อหาคำตอบเรื่องนี้ แต่สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือเปิดใจและปล่อยให้ก้อนกินนั้นเผยเรื่องราวของตัวเองออกมา

สำหรับงานออพพอร์จูนิตีนั้น เป็นยานสำรวจเคลื่อนที่ขนาดรถกอล์ฟที่ลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคารเมื่อเดือน ม.ค.2004 ส่วนยานขนาดเดียวกันอีกลำคือยานสปิริต (Spirit) ที่ลงสำรวจในพื้นต่างกัน โดยยานสำรวจพลังแสงอาทิตย์ทั้งสองได้รับการคาดหวังว่าจะปฏิบัติหน้าที่บนดาวอังคารเพียง 90 วัน แต่ก็สามารถอยู่รอดมาได้หลายปี จนกระทั่งเมื่อต้นปี 2010 ยานสปริตก็หยุดสื่อสารกับศูนย์ควบคุมบนโลก แต่ยานออพพอร์จูนิตียังคงทำงานต่อไป

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

กว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต

dialup


กว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต

  “อดีตบอกเล่าอนาคต”วันนี้เรามาคุยถึงอินเตอร์เน็ตที่เราๆท่านๆ  ใช้กันอยู่ทุกวันนี้เริ่มขึ้นมา  ได้อย่างไรหลายคนอาจเกิดคำถามขึ้นว่าจะต้องรู้ไปทำไม “ใช้งานได้เป็นพอ” ใจเย็นครับครับใจเย็น  เขาว่ากันว่าจะรู้อะไรก็รู้ให้ถึงกึ๋นเลยจะทำให้เรากระจ่างในสิ่งที่เกิดขึ้นในลำดับต่อมาภายหลังครับ

     ก่อนที่จะมีการใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างแพร่หลายในทุกวันนี้  เครือข่ายสื่อสารส่วนใหญ่ยังถูกจำกัดอยุ่เพียงการใช้งานกันภายใน  โดยผ่านคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางที่มีมันสมอง หรือระบบประมวลผลขนาดใหญ่เท่านั้น  ทำให้เป็นสิ่งท้าทายในเวลานั้นสำหรับสำหรับนักวิจัยทั้งในมหาลัยชั้นนำและหน่วยงานวิจัยของภาครัฐในสหรัฐอเมริกา  ต่างคิดค้นวิธีการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ  ที่อยู่ห่างไกลกันให้เป็นหนึ่งเดียว

     เครือข่ายที่เชื่อมโยงกันในระยะแรกเกิดขึ้นภายในกลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน  ถ้าสังเกตดูแล้วจะพบว่า  บริการในโลกดิจิตอลต่างยำเอากฎธรรมชาติของพฤติกรรมมนุษย์นี้มาใช้จนประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น  แต่สำหรับยุตแรกๆ  นั้นยังมีจุดเชื่อมต่อถึงกันเพียงไม่กี่จุด  และแล้วก็เป็นจุดเริ่มต้นของอินเตอร์เน็ตโปรตอลคอล  หรือไอพี (Internet  Protocol : IP)  ซึ่งเปรียบเสมือนกฎกติกาข้อตกลงการรับส่งข้อมูล  การวางเครือข่าย  เพื่อให้ง่ายต่อการขยายและเชื่อมต่อกัน

     ถ้าว่าไปแล้ว “เจ้าไอพี” เปรียบได้ใกล้เคียงกับการพัฒนาระบบคมนาคม  เราเริ่มจากถนนหนทางเพื่ออำนวยความสะอวกในการรับส่งสินค้าหรือการเดินทางไปมาหาสู่กัน  ถ้าสนใจกันเฉพาะในเมืองเล็กๆ  เท่านั้น  ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องสนใจว่าพื้นที่อื่นเขาจะจัดการจราจรกันอย่างไร  แต่เมื่อต้องการจะติดต่อกับเมืองอื่นๆก็ต้องเคารพกฎกติกาของเมืองอื่นด้วย  ยิ่งถ้าต้องการเชื่อมต่อไปยังประเทศอื่นๆ  ผ่านสายการบินแล้ว  ก็จำเป็นต้องมีข้อตกลงระเบียบข้อปฏิบัติ  ไม่งั้นคงสับสนวุ่นวายกัน  จนการจัดการจราจรจะกลายเป็นจราจรเช่นเดียวกับการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ก็ต้องมีโปรโตคอลเพื่อจัดระเบียบนั่นเอง

    การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้สู่ความคิดที่จะครอบคลุมเครือข่ายให้ถึงกันทั่วโลกได้ขยายสู้ความคิดที่จะครอบคลุมเครือข่ายให้ถึงกันทั่วโลกโดยเรียกขานกันว่า “อินเตอร์เน็ต”  ซึ่งมีการใช้งานอย่างเป็นอย่างทางการกันนับตั้งแต่ปี  พ.ศ. 2525 เริ่มจากซีกโลกตะวันตกแล้วเข้ามาสู้พื้นที่อื่นๆ  ในเวลาต่อมานั้นเอง

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เกร็ดความรู้เสริมสร้างรอยหยักในสมอง มันอาจจะมีประโยชน์บ้างอะไรบ้าง (สาระล้วนๆ)


1. พลังงานไฟฟ้า มาจากการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน
2. องค์ประกอบของโลกส่วนใหญ่เป็นสารประกอบพวกซิลิกอนไดออกไซด์
3. การดื่มน้ำกระด้าง จะทำให้เป็นโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
4. ถ้านำเพชรมาเผาไฟจะได้ก๊าซคาร์บอร์ไดออกไซด์ เพราะเพชรเป็นอันยรูปของถ่าน
5. แกรไฟท์ สามารถนำมาใช้เป็นตัวนำไฟฟ้า สารหล่อลื่น ไส้ดินสอ และใช้เป็นตัวยับยั้งปฏิกิริยานิวเคลียร์ในปฏิกรณ์ปรมาณู
6. สเตทโธสโคป คือ เครื่องฟังเสียงการทำงานของหัวใจและปอด
7. คาวมเร็วเสียงในดินจะมีความเร็วกว่าความเร็วเสียงในอากาศประมาณ 15 เท่า
8. น้ำลาย จะเป็นตัวหล่อลื่น และทำให้อาหารรวมตัวกันเป็นก้อนเรียกว่า โบลัส
9. กระบวนพื้นฐานของการเกิดแสงในสิ่งมีชีวิตมีส่วนมาจากโปรตีนชนิดเดียวกันที่ชื่อว่า "เอนไซม์ลูซิเฟอเรส"
10. เมื่อหินหนืดเย็นตัวลงจะตกผนึกได้เป็นหินอัคนี
11. ทรงยี่สิบหน้าปลายตัด เป็นต้นแบบของการผลิตลูกฟุตบอลในปัจจุบัน
12. เปลือกหอยนางรมสามารถใช้ทำปูนขาวเพื่อไปใช้ในการก่อสร้าง การเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม
13. การใช้ไฟฟ้าในที่พักอาศัย มีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 16%
14.สมองของคนเราหนักประมาณ 3% ของน้ำหนักร่างกาย แต่ใช้เลือดไปหล่อเลี้ยงถึง 15% ของเลือดทั้งหมด
15. ปรากฎการณ์โลกร้อน คือ ปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยของผิวโลกและผืนมหาสมุทรสูงขึ้น
16. น้ำแข็งในดาวหางส่วนมากประกอบด้วยก๊าซมีเทน แอมโมเนีย คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ
17. ความเร็วลมผิวพื้นและชั้นบนมีหน่วยเป็น "นอต"
18. ความกดดันของบรรยากาศมีหน่วยเป็น"มิลลิบาร์"
19. ช็อกโกแลตสามารถดูดกลิ่นได้
20. สารที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงคือ ไขมัน โปรตีน และธาตุเหล็ก
21. หอเอนเมืองปิซาเอนไปทางใต้
22. ในน้ำทะเล 100 ตัน จะมีทองคำอยู่ประมาณ 4 กรัม
23. เส้นผมคนเรารับน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม
24. จิงโจเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่เดินถอยหลังไม่ได้
25. ผีเสื้อบินด้วยความเร็ว 20 ไมล์ต่อชั่วโมง ส่วนยุงบินด้วยความเร็ว 5 ไมล์ต่อชั่วโมง
26. หัวใจมนุษย์สร้างความดันเพียงพอที่จะปั๊มเลือดออกจากร่างกายไป 30 ฟุต
27. กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคือลิ้น
28. จุดแดงใหญ่บนดาวพฤหัสบดี เป็นพายุที่เกิดมานานกว่าสามร้อยปีแล้ว
29. เราสามารถเดินม้าหมากรุกให้ผ่านทุกช่องบนกระดานหมากรุกโดยไม่ซ้ำกันและกลับมายังช่องแรกได้ถึง 26,534,728,821,064 วิธี
30. ไรซิน เป็นสารพิษจากพืชที่รุนแรงที่สุด มีฤทธิ์ร้ายแรงกว่างูเห่า 2 เท่าสกัดได้จากเมล็ดละหุ่ง สามารถใช้ในการรักษามะเร็งได้
31. โรนัน เป็นปลากระดูกอ่อนชนิดหนึ่งมีหางเหมือนปลาฉลามและหัวเหมือนปลากระเบน
32. แปรงสีฟันถูกประดิษฐ์ขึ้นโดย วินเลียม แอดดิส ขณะที่เขาถูกจองจำอยู่ในคุก
33. สารอนินทรีย์ได้จากการสลายตัวของหินและแร่
34. ฮิวมัส เป็นสารอินทรีย์ที่ได้จากการสลายตัวของสิ่งมีชีวิตที่เน่าเปื่อยผุพังสลายตัวทับถมอยู่ในดิน
35. ปีที่ร้อนที่สุดในรอบปีคือปีพ.ศ. 2543
36. หน่วยของเวลาตามระบบหน่วยเอสไอนั้นกำหนดให้เป็น วินาที
37. แนวคิดเรื่องไทม์แมชชีนเริ่มปรากฏเป็นครั้งแรกจากนวนิยายแนววิทยาศาสตร์เรื่อง "ไทม์แมชชีน" ของ เอช. จี. เวลล์
38. เปลือกโลกภาคพื้นทวีปจะประกอบด้วยชั้นไซอัลและไซมา ทำให้มีความหนามากกว่าเปลือกโลกส่วนที่อยู่ใต้มหาสมุทร ซึ่งประกอบด้วยชั้นไซมาเท่านั้น
39. แก่นโลก เป็นส่วนชั้นในสุดของโลกที่มีความหนาแน่นมากมีรัศมียาวประมาณ 3,486กิโลเมตรประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างเหล็กและนิกเกิล
40. แก่นโลกชั้นนอก มีความหนาแน่นมากกว่าหินทั่วไปถึง 5 เท่าและมีความร้อนสูงถึง4,000 องศาเชลเซลเซียส

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

" คุณครูสาว " ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กอเมริกัน


          คุณครูสาวท่านนี้ชื่อว่า แมรี่ แกนน่อน เธอเป็นคุณครูประจำอยู่ที่โรงเรียนฮาร์ดิง
มิดเดิล สคูล ในรัฐโอไฮโอของสหรัฐฯ ซึ่งสอนเด็กนักเรียนเกรด 6-8 (ชั้น ป.6-ม.2)
          แกนน่อน เป็นคนพิการแขนทั้งสองข้างแต่กำเนิด เธอเติบโตขึ้นในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า ประเทศเม็กซิโก
จนถึงอายุ 7 ขวบ จึงได้รับการอุปการะโดยครอบครัวจากรัฐโอไฮโอ และพยายามฝึกฝนการใช้เท้าทำอะไรแทนมือจน
เชี่ยวชาญ ก่อนจะได้เข้าทำงานเป็นครูผู้ช่วยที่โรงเรียนฮาร์ดิงเมื่อปีที่แล้ว และปัจจุบันก็ได้กลายเป็นคุณครูอย่างเต็มตัว
โดยสอนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
          แม้จะไม่มีอวัยวะครบ 32 เหมือนเช่นคุณครูท่านอื่น ๆ โดยเฉพาะแขนสองข้างที่กุดหายไป แต่นั่นก็ไม่ได้เป็น
อุปสรรคต่อการทำหน้าที่ครูเลยแม้แต่น้อย เธอใช้เท้าแทนมือในการเขียนกระดาน พิมพ์คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่แจก
เอกสารประกอบการเรียนให้เด็ก ๆ
          ที่สำคัญการสอนของเธอไม่ได้ทำให้เหล่าลูกศิษย์ได้รับแต่เพียงตัวความรู้เท่านั้น พวกเขายังได้เรียนรู้บทเรียน
ชีวิตที่ดี โดยมีคุณครูแกนน่อนเป็นตัวอย่างชั้นเยี่ยม ซึ่งเด็ก ๆ ทั้งมองเห็นและสัมผัสได้อย่างขัดเจนว่า ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ
หากมีความพยายามและตั้งใจจริงแล้ว คนเราย่อมทำมันให้สำเร็จลุล่วงได้แน่นอน
          "พอเห็นครูแล้วมันทำให้ผมรู้ว่า เราสามารถทำทุกสิ่งที่เราอยากทำได้ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม" ลูกศิษย์เกรด 8
ของเธอ กล่าว
          ส่วนทางด้านคุณครูแกนน่อนก็กล่าวว่า ความจริงเธอไม่ชอบเลยกับการที่ถูกเรียกว่า "คนพิการ" เพราะมันให้ความรู้สึก
แบ่งแยก แต่ถ้ามันจะช่วยให้คนอื่น ๆ ได้รับแรงบันดาลใจจากเธอ หรือทำให้พวกเขาปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น
เธอก็รู้สึกโอเค
          "ตอนนี้ฉันกำลังทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ และมันเป็นสิ่งที่ฉันรัก ถ้าคุณเองกำลังตั้งความมุ่งมั่นไว้ว่าอยากจะทำให้สิ่งที่
ตัวเองรักเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็ลงมือเลย ไม่มีใครหรืออะไรสามารถหยุดคุณได้หรอก"
          ขณะที่ทางด้านคุณครูคนอื่น ๆ ในเรียนก็มองครูสาวคนนี้ด้วยความชื่นชมไม่แพ้กัน พวกเขารู้ดีว่าเธอเป็นแรงบันดาลใจ
ที่ดีให้กับเด็กนักเรียนทุกคนในโรงเรียน โดยคุณครูคนหนึ่งบอกว่า ทุกคนที่ได้พบแกนน่อนรู้สึกไม่ต่างกันว่า "ถ้าเธอทำได้ ฉันมั่นใจ
เลยว่าตัวฉันเองก็ต้องทำอย่างนั้นได้เหมือนกัน"
                           

เฟซบุ๊กรุกอีคอมเมิร์ซส่งของขวัญจริงๆได้

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] เฟซบุ๊ก (Facebook) เริ่มขยับตัวแล้ว ล่าสุดทางบริษัทได้เพิ่มบริการใหม่ที่มีชื่อว่า Gifts ซึ่งก็จะมีการทำงานตามชื่อเรียกของมัน กล่าวคือ บริการดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อ และจัดส่งของขวัญจริงๆ อย่างช็อคโกแลต กาแฟ ตุ๊กตาหมี ถุงเท้า และอื่นๆ อีกมากมายไปให้กับเพื่อนของคุณในวันเกิด หรือวันสำคัญต่างๆ ได้ 

สำหรับ เฟซบุ๊กกิฟต์ (Facebook Gifts) ได้เปิดให้บริการตั้งแต่วันพฤหัสที่ผ่านมา โดยจะเริ่มเปิดให้กับผู้ใช้บางส่วนในสหรัฐฯ ก่อน และจะค่อยๆ เปิดให้กับประเทศต่างๆ ในเดือนต่อไป หากเริ่มมีการใช้บริการส่งของขวัญจากผู้ใช้กันอย่างจริงจัง ซึ่งบริการ Facebook Gifts จะให้ผู้ใช้สามารถคลิกบนไอคอน gifts ที่อยู่ในหน้าเพจของเพื่อนบนเฟซบุ๊กได้จากในเว็บไซต์ หรือแอพฯ บนแอนดรอยด์โฟน ส่วนเวอร์ชันไอโฟน และไอแพดกำลังจะตามมาในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ไอคอน gifts จะแสดงขึ้นทางด้านขวาของหน้าเพจของผู้ใช้ โดยจะมาพร้อมกับการแจ้งเตือนวันเกิด หรือวันครบรอบแต่งงาน ฯลฯ ตัวอย่างการทำงานของบริการนี้ สมมติว่า กำลังจะถึงวันเกิดเพื่อนของคุณในอีก 2 วันข้างหน้า คุณจะพบเห็นลิงค์ "give her a gift" และไอคอน gift จะแสดงผลขึ้นมาถัดจากชื่อ และรูปภาพของเธอ และเมื่อคลิกบนไอคอน มันก็จะแสดงภาพรายการของขวัญที่คุณสามารถซื้อได้ อย่างเช่น บัตรของขวัญสตาร์บั๊ค คัพเค้ก หรือเจ้าหมีเท็ดดี้ เป็นต้น ทางด้านเพื่อนของคุณที่เป็นผู้รับจะได้รับการแจ้งเตือยผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อให้เข้าไปใส่ที่อยู่ที่จะรับของขวัญ ซึ่งของขวัญบางอย่าง ยังเปิดโอกาสให้ผู้รับเลือกได้ด้วยเช่น หน้าคัพเค้กที่ชืนชอบ หรือขนาด และสไตล์ของถุงเท้า หรือแม้กระทั่งการขอเปลี่ยนของขวัญเป็นอย่างอื่น หากผู้รับไม่ชอบช็อคโกแลต หรือถุงเท้า แต่อยากได้เป็นหมีแทน ก็สามารถทำได้ 

การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของเฟซบุ๊กส่อให้เห็นทิศทางว่า บริษัทกำลังเข้าสู่การทำอีคอมเมิร์ซ โดยจะมีการคิดค่าบริการจากส่วนแบ่งกำไรของผู้ค้าที่นำสินค้าเข้ามาให้บริการใน Facebook Gifts ซึ่งทางบริษทจะเพิ่มสินค้าที่หลากหลายขึ่นไปอีก โดยมีความเป็นไปได้ตั้งแต่ไอศครีมกูเม่ต์ ภาพพิมพ์ Andy Warho ดอกไม้ ของเล่นสำหรับสุนัข ไปจนถึงแพคเกจสปา การให้บริการ Facebook Gifts เป็นผลลัพธ์มาจากการที่ทางบริษัทได้เข้าซื้อกิจการที่ชื่อว่า Karma บริษัทใหม่ที่มีพนักงานแค่ 16 คนในซานฟรานซิสโก โดยเฟซบุ๊กซื้อบริษัทนี้เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา แอพฯ บนโมบายของ Karma ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถส่งของขวัญให้เพื่อนๆ ได้ในระหว่างเดินทาง ซึ่งนั่นหมายความว่า Facebook Gifts จะสามารถใช้งานได้ทังบนคอมพิวเตอร์ และโมบาย หลังจากที่เข้่าซื้อกิจการแล้ว ลี ลินเดน หัวหอกของ Karma ตอนนี้ได้กลายเป็นหัวหน้าฝ่ายผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Facebook Gifts ไปเรียบร้อยแล้ว "เราคิดว่า การให้ของขวัญ คือรูปแบบของการสื่อสารอย่างหนึ่ง" เขากล่าว 


สื่อนอกตีข่าว จราจรไทยทำลายสถิติ ทำคลอดมากที่สุดในโลก


เว็บไซต์เทเลกราฟ สำนักข่าวชื่อดังของอังกฤษรายงานว่า ด.ต.มานะ จอกโคกสูง วัย 43 ปี กลายเป็นตำรวจจราจรที่ทำคลอดทารกมากที่สุดในโลก หลังช่วยทำคลอดทารกรายที่ 47 บนท้องถนนของกรุงเทพฯ

รายงานระบุว่าการจราจรในกรุงเทพฯเลวร้ายมาก ว่ากันว่าท้องถนนสามารถรับมือกับรถได้แค่ราวๆ 1.6 ล้านคน แต่ข้อมูลบ่งชี้ว่ามีการจดทะเบียนรถยนต์ มากกว่าที่สามารถรองรับได้กว่า 4 เท่า ด้วยเหตุนี้เอง ด.ต.มานะ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ จึงต้องเข้ารับฝึกฝนการทำคลอด เพื่อคอยช่วยเหลือผู้หญิงท้องที่เกิดเจ็บครรภ์ขึ้นมา แต่ไม่สามารถไปถึงโรงพยาบาลได้ในชั่วโมงเร่งด่วน

ด.ต.มานะ กล่าวว่าครั้งแรกที่ผมทำคลอด ตัวผมสั่นไปหมด ทั้งตื่นเต้นและทั้งกลัว อย่างไรก็ตามในครั้งล่าสุดที่ช่วยทำคลอดคุณแม่ยังสาววัย 19 ปี บนรถแท็กซี่  ด.ต.มานะ มานะบอกว่ารู้สึกปลาบปลิ้มใจอย่างมากที่ได้ช่วยเหลือผู้คน

เรื่องราวของผลิตภัณฑ์สมุนไพร วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านวัดจันทร์พัฒนา




            ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผิวพรรณเป็นสิ่งสำคัญมากในชีวิตประจำวันของคนทุกเพศทุกวัย จึงมีผลิตภัณฑ์หลากหลายยี่ห้อวางขายตามท้องตลาดทั่วไป แต่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ล้วนเต็มไปด้วยส่วนผสมที่เป็นสารเคมี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ที่มีเส้นผมและผิวพรรณที่แพ้ง่าย ดังนั้น ทางวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านวัดจันทร์พัฒนา จึงได้มีความคิดที่จะนำเอาสมุนไพรพื้นบ้านที่มีอยู่ในชุมชนมาผสมผสานกับภูมิปัญญาไทย  โดยนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผิวพรรณ ได้แก่ แชมพูและครีมนวดประคำดีควาย แชมพูและครีมนวดดอกอัญชัน   แชมพูและครีมนวดมะกรูดผสมกับว่านหางจระเข้    น้ำมันบำรุงเส้นผม
 “ ตะวันแฮร์โค๊ท ” สบู่เหลวจากมะขาม และสบู่เหลวจากขมิ้นชัน  การนำส่วนผสมต่างๆ มาผสมกันอย่างสอดคล้องทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพทั้งเส้นผมและผิวกายที่มีคุณภาพ ไม่ระคายเคืองต่อหนังศีรษะและผิว ทำให้ผมนุ่มสลวยและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ผิวพรรณชุมชื่นอย่างเป็นธรรมชาติ ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสมุนไพรไทย ก่อให้เกิดรายได้กับชาวบ้านในชุมชน  กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านวัดจันทร์พัฒนาได้รับการสนับสนุนจาก คณะเภสัชศาสตร์และคลินิกเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยนเรศวร ในการตั้งสูตรตำรับเครื่องสำอางผสมสมุนไพรและการพัฒนาการผลิตที่มีคุณภาพ  การคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับชุมชน  และยังมีหน่วยงานราชการต่างๆ ให้การสนับสนุนการพัฒนาด้านบรรจุภัณฑ์และด้านการตลาดอย่างสม่ำเสมอ



สาวบราซิลประมูลเปิดบริสุทธิ์บนเครื่องบิน หาเงินสร้างบ้านให้คนจน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า (29 ก.ย.) คาตารินา มิกลิโอรินี นักศึกษาสาขาวิชาพละศึกษา ชาวบราซิลเชื้อสายอิตาลี วัย 20 ปี เปิดประมูลความบริสุทธิ์ของตัวเอง เพื่อหาเงินค่าก่อสร้างบ้านหลังใหม่ทันสมัยกว่าเดิมให้กับชุมชนแออัดของกลุ่มคนยากจน ในพื้นที่บ้านเกิดของที่รัฐซานตา คาตารินา ทางตอนใต้ของประเทศ

โดยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เธอได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมกับทีมนักทำภาพยนตร์เชิงสารคดีชาวออสเตรเลีย ที่ตามหาบุคคลบริสุทธิ์เพื่อร่วมถ่ายทำภาพยนตร์เชิงสารคดี เรื่อง "Virgins Wanted" ที่จะบันทึกเรื่องราวผ่านความรู้สึกของเธอ ทั้งก่อนและหลังมีประสบการณ์เซ็กซ์ครั้งแรก ซึ่งเธอจะได้รับเงินจำนวน 20,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 600,000 บาท) และอีก 90 เปอร์เซ็นต์ จากราคาประมูลครั้งสุดท้ายที่สูงที่สุด ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ต.ค. นี้ ส่วนราคาตั้งต้นที่ 155,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 4,650,000 บาท)

ทั้งนี้ ผู้ที่ชนะการประมูลนั้นจะได้ความบริสุทธิ์ของคาตารินา บนเที่ยวบินจากออสเตรเลียไปสหรัฐฯ แต่ต้องสวมถุงยางอนามัยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์

แปลก!โจ๋ยุ่นฮิตฉีดน้ำเกลือเข้าหน้าผาก



26 ก.ย.55 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วัยรุ่นญี่ปุ่นกำลังมีแนวโน้มนิยมความงามที่แปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยล่าสุด ถึงขั้นฉีดน้ำเกลือเข้าหน้าผาก เพื่อให้บวมเหมือนขนมปังเบเกิล ที่มีรอยบุ๋มตรงกลางคล้ายโดนัท ที่พวกเขามองว่า เป็นความงามรูปแบบหนึ่ง

ทั้งนี้ สารคดีซีรี่ส์ทางโทรทัศน์ชุด " ทาบู " (Taboo) ที่ออกอากาศทางช่องเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ได้เสนอตอนล่าสุด ที่แสดงให้เห็นว่า มีวัยรุ่น 3 คน นั่งให้ฉีดน้ำเกลือเข้าที่หน้าผาก เพื่อให้บวมเหมือนเบเกิล อาหารเช้ายอดนิยม ซึ่งกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในญี่ปุ่น ที่เรียกว่า " เบเกิล เฮ้ด "

ภาพที่ถูกเผยแพร่ ได้แสดงให้เห็นว่า มีผู้ชายที่ใช้ชื่อว่า อาซามิ ฉีดน้ำเกลือเข้าที่หน้าผากของวัยรุ่น 3 คน จนบวมได้ที่ ก่อนที่คนทำจะใช้หัวแม่มือกดตรงกลางก้อนเนื้อที่บวมจนเกิดรอยบุ๋ม ซึ่งความเปลี่ยนแปลงของรูปหน้าที่เกิดจากการฉีดน้ำเกลือ ที่ใช้เวลา 2 ชั่วโมงนั้น จะมีระยะเวลาประมาณ 16-24 ชั่วโมง ก่อนที่ใบหน้าบริเวณหน้าผากจะกลับคืนสู่ปกติ เนื่องจากน้ำเกลือจะถูกร่างกายดูดซึมไปหมด

รายงานยังระบุว่า วัยรุ่นทั้ง 3 คน ที่เข้ารับการฉีดน้ำเกลือที่หน้าผาก ภายในสถานที่ถ่ายทำรายการในกรุงโตเกียวเป็นชาย 2 คน และหญิง 1 คน คือ จอห์น , สกอร์เปี้ยน และมาริน ต่างนั่งอยู่ในสภาพที่มีเข็มขนาดใหญ่แทงเข้าหน้าผาก เพื่อเดินน้ำเกลือ ซึ่งหลังจากถอนเข็มออกจากหน้าผากแล้ว เนื้อใต้หน้าผากบริเวณที่ถูกฉีดได้บวมขึ้นเรื่อย ๆ

จอห์น ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ และเป็นหนึ่งในคนที่ถูกฉีดน้ำเกลือ ได้บอกถึงความรู้สึกว่า เหมือนมีของเหลวกำลังไหลออกมาจากใบหน้าของเขา และยังถามคนที่อยู่ในห้องว่า มีอะไรไหลออกมาจากศีรษะของเขาหรือไม่ ซึ่งน้ำเกลือที่ฉีดเข้าสู่หน้าผากของแต่ละคน มีปริมาณ 400 ซีซี

ผู้ที่ริเริ่มเทรนด์หน้าผากขนมปัง คือ เรียวอิจิ " เคโระ " มาเอดะ ช่างภาพและผู้สื่อข่าวที่คลั่งไคล้การทำสารคดีแนวอันเดอร์กราวด์ เกี่ยวกับเทรนด์การโมดิฟายร่างกายของพวกวัยรุ่น เขาให้สัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่งที่เวนิซ เมื่้อปีที่แล้วว่า เขาพบเทรนด์นี้ ที่โตรอนโต ประเทศแคนาดาในงานที่มีชื่อว่า " มอดคอน " ซึ่งเป็นการรวมตัวของพวกที่โมดิฟายร่างกายกันแบบสุด ๆ เมื่อปี 2552 และเขาได้พบกับเจอโรม ที่เป็นผู้บุกเบิกการฉีดน้ำเกลือเข้าร่างกาย ที่ทำให้ผิดรูปผิดร่างหรือแปลกประหลาด ก่อนจะนำเทรนด์นี้เข้าไปในญี่ปุ่น และตั้งทีมงานเพื่อฉีดน้ำเกลือให้วัยรุ่นมาตั้งแต่ปี 2550

นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานปาร์ตี้น้ำเกลือ ปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้พวก " เบเกิล เฮ้ด." ไปร่วมสังสรรค์กันซึ่งการฉีดน้ำเกลือ จะฉีดเข้าส่วนไหนของร่างกายก็ได้ มีบางคนใจถึงสุดขีด ถึงฉีดเข้าที่อัณฑะด้วย

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

วิธีดูแลรักษารองเท้าของคุณผู้หญิง


1. เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว สิ่งที่ควรทำโดยด่วยคือ ให้ใช้น้ำที่สะอาดล้างทำความสะอาดรองเท้าของคุณผู้หญิงให้ทั่วภายนอก จากนั้นค่อยเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด แล้วนำตากในที่ล่ม มีลมโปร่ง ไม่อับ ให้แห้ง

2. สำหรับชิ้นส่วนของพื้นรองเท้าที่อยู่ด้านใน ถ้าถอดมาทำความสะอาดได้ ให้นำไปล้างและทำความสะอาดซะนะคะ แล้วนำตากในที่ล่ม มีลมโปร่ง ไม่อับ ให้แห้งเช่นเดียวกัน

3. ไม่ควรใส่รองเท้าขณะที่ยังเปียก หรือชื้นอยู่ เพราะจะทำให้เกิดปัญหารองเท้ามีกลิ่นเหม็นอับได้ และ จะทำให้รองเท้าคู่สุดรักของคุณผู้หญิงเสียทรง หนังยืด ได้ด้วยค่ะ

4. การตากรองเท้าควรวางรองเท้าของคุณผู้หญิงให้ตั้งเอียงขึ้นประมาณสัก 45 องศาจากพื้น ให้น้ำที่ขังด้านในจากการล้างทำความสะอาดนัั้นไหลออกมา

5. เมื่อรองเท้าแห้งให้นำไปเช็ดและถ้าหากเป็นรองเท้าหนังให้ขัดหนังรองเท้าคู่เก่งของคุณผู้หญิงให้เงาวับ แล้วนำไปวางไว้ที่แดดส่องถึงประมาณสัก 2 ชั่วโมงค่ะ เพื่อเป็นการรักษาหนังของรองเท้าคู่เก่งของคุณผู้หญิง

"8 บัญญัติการดูแลเส้นผม"


1. เริ่มจากการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม ต้องมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีค่าความเป็นด่างที่สมดุล เช่น ครีมนวดผมต้องมีคุณสมบัติปรับสภาพเส้นผมให้ชุ่มชื่นและล้างออกได้ง่าย

2. เวลาสระผมจะต้องนวดหนังศีรษะไปพร้อมกัน เพราะจะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนโลหิตที่หนังศีรษะดีขึ้น ให้น้ำมันตามธรรมชาติไปหล่อเลี้ยงเส้นผม หรืออาจนวดระหว่างวันด้วยหวีแปรงไม้

3. เมื่อผมเปียกชื้นอาจเป็นปัญหาหนึ่งที่สาวๆ อย่างเราต้องกังวล เพราะเวลาผมแห้งก็จะฟู ฉะนั้นอาจพกไดร์เป่าผมตัวจิ๋วไว้ในกระเป๋าหรือที่ทำงานสักอัน นอกจากจะได้ผมสลวยแล้ว เป็นอีกทางหนึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นหวัดได้เป็นอย่างดี

4. เวลาเป่าผมให้แห้ง ควรเป่าผมจากบนลงล่าง เพราะเกล็ดผมจะเรียงตัวตามธรรมชาติ ทำให้เส้นผมเรียงตัวสวยและเรียบเงางาม ไม่ชี้ฟู

5. สาวใดที่นิยมไดร์ผมให้ตรง ดัดผมด้วยโรลไฟฟ้า และรีดผมด้วยไฟฟ้า ต้องระวังเรื่องไฟดูดและควรใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องเส้นผมจากความร้อนด้วยเสมอ

6. ถ้าจำเป็นต้องหวีผมขณะที่เปียก ควรใช้หวีซี่ห่างๆ จะช่วยให้เส้นผมขาดน้อยลงได้

7. การกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีด้วยเช่นกัน ควรเลือกอาหารจำพวก ผัก ผลไม้ และควรดื่มน้ำให้มาก หลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านกระบวนการขัดสี รวมทั้งพยายามงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ ก็จะเรียกได้ว่าเป็นการบำรุงให้ผิวและผมสวยใสจากภายในสู่ภายนอกนั่นเอง

8. ถ้าต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรปกป้องเส้นผมจากแสงแดดด้วยการสวมหมวก หรือทาครีมปรับสภาพผมทิ้งไว้เมื่อต้องออกแดด จากนั้นค่อยล้างออกตามปกติ

วิธีการดูแลรักษาเสื้อยืด


วิธีการดูแลรักษาเสื้อยืดให้อยู่กับเรานานๆ

1. ให้แยกซักระหว่างผ้าขาวกับผ้าสี แนะนำให้ซักมือจะดีกว่า

2. ผงซักฟอกให้เลือกที่ไม่รุนแรง และ ถนอมใยผ้า

3. ไม่ควรตากโดยใช้ไม้แขวนเสื้อ ให้กลับด้านแล้วพาดเสื้อกับที่ราวตากผ้า

4. เมื่อเสื้อแห้งถ้าไม่จำเป็นไม่ควรใช้ไม้แขวนเสื้อ ควรพับเก็บจะดีที่สุด

 *หมายเหตุ ควรระวังข้อ3 กับ ข้อ4 เพราะเป็นตัวสำคัญที่จะทำให้เสื้อของคุณเสียทรงเร็ว และคอเสื้อยืดง่ายครับ


วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประเภทของคำสั่ง SQL


1. ภาษาสำหรับนิยามข้อมูล (Data Definition Language : DDL) ประกอบด้วยคำสั่งที่ใช้ในการกำหนดโครงสร้างข้อมูลว่ามีคอลัมน์อะไร แต่ละคอลัมน์เก็บข้อมูลประเภทใด รวมถึงการเพิ่มคอลัมน์ การกำหนดดัชนี การกำหนดวิวของผู้ใช้

2. ภาษาสำหรับการจัดการข้อมูล (Data Manipulation Language : DML) ประกอบด้วยคำสั่งที่ใช้ในการเรียกใช้ข้อมูล การเปลี่ยนแปลงข้อมูล การเพิ่มหรือลบข้อมูล

3. ภาษาที่ใช้ในการควบคุมข้อมูล (Data Control Language : DCL) ประกอบด้วยคำสั่งที่ใช้ในการควบคุม หรือป้องกันการเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ใช้หลายคนเรียกใช้ข้อมูลพร้อมกัน โดยที่ข้อมูลนั้น ๆ อยู่ในระหว่างการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ผู้ใช้อีกคนหนึ่งก็เรียกใช้ข้อมูลนี้ ทำให้ข้อมูลที่ผู้ใช้คนที่สองได้ไปเป็นค่าเก่าที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้เพราะผู้ใช้คนแรกยังปรับปรุงแก้ไขข้อมูลไม่เสร็จ นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการ ให้สิทธิ์ผู้ใช้ที่แตกต่างกัน

การบ้าน ปฏิบัติการที่ 6 SQL


 h .จากข้อ e เมื่อแปลออกมาเป็นภาษามนุษย์จะได้ว่า “ให้เลือกฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  อาจารย์ที่ปรึกษา และชั้น จากตารางนักเรียน (student) โดยมีเงื่อนไขคือเป็นเป็นนิสิตชั้นปีที่ 2  ให้ลองแปลข้อ f ออกมาเป็นภาษาคำถามของมนุษย์
       จากข้อ f  จะได้ว่า   SELECT   Studentid,Name,Advisor,class,hobby
                                      FROM  student
                                      WHERE hobby LIKE 'อ่านหนังสือ' ;



 ตอบ   ให้เลือกฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  อาจารย์ที่ปรึกษา  และชั้น จากตารางนักเรียน (student) โดยมีเงื่อนไขคือต้องแสดงเฉพาะงานอดิเรกอ่านหนังสือ

   i  ให้นิสิตสืบค้นข้อมูลด้วยภาษา SQL ตามคำถาม “ให้เลือกฟิลด์ทั้งหมดจากตารางรายวิชา(subject) ”
SELECT *
FROM subject;



  j.       ให้นิสิตสืบค้นข้อมูลด้วยภาษา SQL  ตามที่ถาม“ให้เลือกฟิลด์รหัสรายวิชา  ชื่อรายวิชา  และจำนวนหน่วยกิต จากตารางรายวิชา (subject) ”
SELECT subjectid,name,credit
FROM subject;



  k. ให้นิสิตสืบค้นข้อมูลด้วยภาษา SQL ตามคำถาม “ให้เลือกฟิลด์รหัสรายวิชา  ชื่อรายวิชา  และจำนวนหน่วยกิต จากตารางรายวิชา (subject) โดยมีเงื่อนไข คือต้องแสดงเฉพาะรายวิชา 104111”
SELECT subjectid,name,credit
FROM subject
WHERE   subjectid = 104111;


 

 p.  ให้นิสิตสืบค้นข้อมูลด้วยภาษา SQL ตามคำถาม “ให้เลือกฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  คะแนน  เกรด  และชื่อรายวิชา จากตารางนักเรียน (student) การลงทะเบียน  (Register)  และรายวิชา(Subject) โดยเงื่อนไขคือแสดงเฉพาะรายวิชารหัส 104111  เท่านั้น  และนิสิตอยู่ในชมรมภูมิศาสตร์เท่านั้น”
 SELECT Student.Studentid,Student.Name,Register.Score,Register.Grade , Subject.Name,Student.club
 FROM Register, Student,Subject
 WHERE (Register.Studentid = Student.Studentid) And (Register.Subjectid = Subject.Subjectid AND Register.Subjectid = 104111) AND  Student.club ='ภูมิศาสตร์';



 ตอบ  ให้เลือกฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  คะแนน  เกรด  และชื่อรายวิชา จากตารางนักเรียน (student) การลงทะเบียน  (Register)  และรายวิชา(Subject) โดยมีเงื่อนไขคือแสดงเฉพาะรายวิชารหัส 104111  เท่านั้น



























วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ภาษาที่ใช้ในระบบการจัดการฐานข้อมูล

ภาษาที่ใช้ในระบบการจัดการฐานข้อมูล


          ภาษาที่ใช้ในระบบฐานข้อมูลจะใช้ภาษาเอสคิวแอลหรือ SQL ย่อมาจาก Structure Query Language (SQL) หรือเรียกว่า ซีเควล ภาษา SQL มักจะนำมาใช้กับฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ซึ่งเป็นภาษามาตรฐานมีลักษณะคล้ายกับภาษาอังกฤษ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
1. ภาษาสำหรับการนิยามข้อมูล (Data Definition Language: DDL)
2. ภาษาสำหรับการจัดการข้อมูล (Data Manipulation Language: DML)
3. ภาษาควบคุม (Control Language)  
ภาษาสำหรับการนิยามข้อมูล ประกอบด้วย คำสั่งสำหรับสร้างโครงสร้างตารางและกำหนดชนิดของข้อมูล ขนาดของข้อมูลที่จะเก็บ
 ภาษาสำหรับการจัดการข้อมูล ประกอบด้วยคำสั่งสำหรับจัดการข้อมูล เช่น เพื่อแทรกข้อมูลเข้าสู่ตาราง เพื่อต้องการเรียกข้อมูลจากตารางมาแสดงผลที่จอภาพ หรือ เพื่อแก้ไข หรือลบข้อมูลที่ไม่ต้องการ
ภาษาควบคุม จะประกอบด้วยคำสั่งสำหรับการอนุญาตให้ผู้ใช้แต่ละคนหรือกลุ่มผู้ใช้กลุ่มใด ๆ มีสิทธิในการใช้คำสั่งใด ๆ ได้บ้าง รวมทั้งคำสั่งสำหรับสำรองข้อมูลไม่ให้เสียหายและคำสั่งในการกู้คืนข้อมูลในกรณีที่ข้อมูลได้รับความเสียหายไปแล้ว

9 อันดับทะเลที่มีชายหาดสวยที่สุดในโลก

9 อันดับทะเลที่มีชายหาดสวยที่สุดในโลก
          “ทะเล” สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหน้าร้อน “ทะเลสวย” มักอยู่ไกล ไปไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินใจและความพยายามของมนุษย์ ยิ่งยาก ยิ่งท้าทาย ยิ่งสวย ยิ่งอยากเห็น “ชายหาดสวย“ ในที่นี้หมายถึงสวยด้วยทัศนียภาพและอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ปราศจากสิ่งปรุงแต่งใดๆ คงรักษาไว้ซึ่งระบบนิเวศน์ .. แอบดีใจลึกๆ และก็แอบหวั่นใจลึกๆ ยิ่งมนุษย์ดั้นด้นเสาะแสวงหา ยิ่งทำให้กลัวว่าสมดุลทางธรรมชาติอาจเสียไป

SEYCHELLES
seychelles


         “หมู่เกาะเซเชลส์” หรือ “สาธารณรัฐเซเชลส์” สววรค์แห่งมหาสมุทรอินเดีย ประกอบด้วยเกาะถึง 115 เกาะ ห่างจากชายฝั่งแอฟริกาทางตะวันออก อยู่ทางตอนเหนือของมาดากัสการ์ เหมาะเป็นที่เอนกายชาร์ตแบตสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลการนอนเล่นชายหาดอาบแสงอาทิตย์

CAPE TOWN
capetown


         “เคปทาวน์” เมืองเล็กๆ อยู่ทางตอนใต้ของแอฟริกาใต้ เป็นเมืองที่สวยที่สุดและมีเสน่ห์ที่สุดเมืองหนึ่งในโลก จุดเด่นของเมืองอยู่ที่ภูเขาลูกใหญ่กลางเมืองที่สามารถมองเห็นได้จากทุกสารทิศ รูปทรงแปลกตาคือ มีลักษณะเสมือนโต๊ะที่ตั้งอยู่บนแผ่นดิน จึงทำให้ภูเขาลูกนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า ภูเขาโต๊ะ หรือ Table Mountain

CORONADO BEACH
coronado-beach


          นักโต้คลื่นมือสมัครเล่นต้องจัดมา Coronado Beach ชายหาดแถบแคลิฟอร์เนียซักครั้ง เพราะคลื่นถาโถมสม่ำเสมอ ถ้าได้งัดข้อกันทุกวันจนเอาอยู่ อาจเปลี่ยนท่านเป็นนักโต้คลื่นชั้นเซียนในเร็ววัน

 GEORGIA
cumberland-island


           เอกลักษณ์ของเกาะ Cumberland รัฐจอร์เจีย คือเหล่าเปลือกหอยน้อยใหญ่ที่คอยสร้างสีสันให้ชายหาด เริ่มแรกเกาะนี้แทบจะไม่มีคนรู้จัก จนกระทั่งมือดีสืบได้ว่า John F. Kennedy Jr. และ Carolyn Bessetteแอบมาจัดงานแต่งกันลับๆ ที่นี่ ในปี 1996

AUSTRALIA
fraser-island


          ภาพน้ำทะเลใสซัดชายฝั่ง “Fraser Island” ออสเตรเลีย สะกดสายตาคนถวิลหาธรรมชาติได้ดีที่สุด เป็นเกาะที่มีหาดทรายกว้างใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ไม่ห่างจากชายฝั่งรัฐควีนส์แลนด์นัก

MYKONOS ISLAND
greece-mykonos


          นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมักจะหลงมนต์เสน่ห์ในรูปลักษณ์แห่งสถาปัตยกรรม หาดทรายที่สวยงามตามธรรมชาติไร้ซึ่งการแต่งเติมจากฝีมือมนุษย์ และสีสันแห่งชีวิตชีวายามคำคืนของ “Mykonos Island” เกาะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศกรีซ

อ่าวมาหยา ประเทศไทย

mayabay



          หลังจาก “หมู่เกาะพีพี” ถูกคลื่นยักษ์สึนามิเข้าถาโถม “อ่าวมาหยา” ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหาดทรายขาวที่น่าสัมผัสที่สุดแห่งหนึ่ง ก็ได้รับการฟื้นฟูทางธรรมชาติให้กลับมาอุดมสมบูรณ์และสวยงามอีก

HARBOUR ISLAND
harbour-island


          น้ำทะเลสะอาดใสบวกกับกระแสน้ำอุ่นจากอ่าว เกิดเป็นสมดุลทางธรรมชาติ ทำให้ Harbour Island กลายเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำนานาพันธุ์ นักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยจะไม่พลาดการมาเยือน Bahamas

 NORTH CAROLINA
ocracoke-island


          หย่อมหญ้าเป็นจุดๆ ชี้ให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ใต้ผืนทรายของชายหาด Ocracoke Island ซึ่งเป็นที่ตั้งถิ่นฐานในยุคแรกๆ ของชาวยุโรป Ocracoke เป็นส่วนหนึ่งของ Outer Banks เกาะที่ต้องใช้ความพยายามในการดั้นด้นไปให้ถึง จึงเป็นที่ดึงดูดของนักแสวงหาธรรมชาติ

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เศรษฐกิจพอเพียง

หลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง
          การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง  และความไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทำ

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง     มีหลักพิจารณาอยู่ 5 ส่วน ดังนี้

     1. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤต เพื่อ ความมั่นคง และ ความยั่งยืน ของการพัฒนา
     2. คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
     3. คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ กัน ดังนี้
                 o ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่นการผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
                 o ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
                 o การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
      4. เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรู้ และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ
                 o เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
                 o เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
      5. แนวทางปฏิบัติ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี

 ประมวลคําในพระบรมราโชวาทพอเพียง

          อันนี้เคยบอกว่า ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่า ทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัว จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนั้นมันเกินไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอําเภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่งบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการ ก็ขายได้ แต่ขายในที่ ไม่ห่างไกลเท่าไหร่ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก

(พระราชดํารัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๔๐)

     คนอื่นเขาต้องมีการเศรษฐกิจ ที่ต้องมีการแลกเปลี่ยน เรียกว่าเป็นเศรษฐกิจการค้า ไม่ใช่เศรษฐกิจความพอเพียงเลยรู้สึกว่า ไม่หรูหรา แต่เมืองไทยเป็นประเทศที่มีบุญอยู่ว่า ผลิตให้พอเพียงได้

(พระราชดํารัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๔๐)

     เศรษฐกิจแบบค้าขาย ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า “Trade Economy” ไม่ใช่ “แบบพอเพียง” ซึ่งฝรั่งเรียก “Self Sufficient Economy” คือเศรษฐกิจแบบพอเพียงกับตัวเอง เราก็อยู่ได้ ไม่ต้องเดือดร้อน

(พระราชดํารัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๔o )



         

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แผ่นดินไหว 5.6 นอกฝั่งเกาะแวนคูเวอร์ แคนาดา สะเทือนกว่า 400 กม.


   เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานวันนี้ (19)ว่าเกิดแผ่นดินไหวขนาดปานกลางซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 5.6 ใกล้กับเขตปกครองโทฟิโน บนเกาะแวนคูเวอร์ของแคนาดา เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย
     
        ข้อมูลของยูเอสจีเอสระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวระดับ 5.6 ครั้งนี้ อยู่ลึกลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิกเพียงแค่ 10.1 กิโลเมตรเท่านั้นและอยู่ห่างจากเขตโทฟิโน ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ราว 1,876 คน ทางตะวันตกของเกาะแวนคูเวอร์ นอกชายฝั่งแคว้นบริติช โคลัมเบียไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 253 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมืองพอร์ท อัลเบอร์นีไปทางตะวันตกราว 326 กิโลเมตร
     
        เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายจากแผ่นดินไหวระดับปานกลางนอกชายฝั่งของแคนาดาครั้งนี้ แม้จะมีรายงาน แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวสามารถรับรู้ได้ในบางพื้นที่ของนครวิคทอเรีย ที่เป็นเมืองเอกของแคว้นบริติช โคลัมเบียที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวเกือบ 400 กิโลเมตร รวมถึงหลายพื้นที่ในมลรัฐวอชิงตันทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ เช่นกัน
     
        ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 กันยายน ปีที่แล้ว เคยเกิดแผ่นดินไหวซึ่งวัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 6.4 ใกล้กับเกาะแวนคูเวอร์ของแคนาดาแห่งนี้ โดยแรงสั่นสะเทือนที่วัดได้ที่ระดับ 6.4 ถือเป็นแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 7 ปี อย่างไรก็ดี ไม่มีรายงานความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งนั้นเช่นเดียวกัน

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พยากรณ์อากาศประจำวัน 18 ส.ค.55


เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (18 ส.ค.55) พายุโซนร้อน “ไคตั๊ก” (KAI-TAK) ได้อ่อนกำลังลงเป็น
พายุดีเปรสชันแล้ว และเมื่อเวลา 15.00 วันนี้ (18 ส.ค.55) มีศูนย์กลางอยู่บริเวณประเทศเวียดนามตอนบน หรือที่ละติจูด 22.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 103.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า พายุนี้จะมีกำลังอ่อนลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในระยะต่อไป ส่งผลทำให้ประเทศไทยมีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลางด้านตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ในระยะนี้
ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะ 1-2 วันนี้

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภัยพิบัติธรรมชาติ


ความหมายของภัยพิบัติธรรมชาติ
           ภัยพิบัติธรรมชาติ  หรือคำในภาษาอังกฤษ Natural Disasters  หมายถึง เหตุการณ์ที่อาจเกิดจากธรรมชาติ หรือเกิดจากการกระทำของมนุษย์ที่อาจเกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วนหรือค่อย ๆ เกิด มีผลต่อชุมชนหรือประเทศชาติ ภัยพิบัติอาจเป็นได้ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น อุทกภัย หรือเป็นเหตุการณ์ที่มนุษย์กระทำขึ้น เช่น การแพร่กระจายของสารเคมี เป็นต้น

รูปแบบของภัยพิบัติธรรมชาติ

ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ( Natural Disasters) รูปแบบต่าง ๆ ทางธรรมชาติที่ได้มีการศึกษารวบรวม และบันทึกรายละเอียดไว้ อาจสรุปได้เป็น 10 ประเภท คือ
1. การระเบิดของภูเขาไฟ ( Volcano Eruptions)
2. แผ่นดินไหว ( Earthquakes)
3. คลื่นใต้น้ำ ( Tsunamis)
4. พายุในรูปแบบต่าง ๆ ( Various Kinds of storms) คือ

·       พายุแถบเส้น  Tropics  ที่มีแหล่งกำเนิดในมหาสมุทร (Tropical Cyclones)

·       พายุหมุนที่มีแหล่งกำเนิดบนบก ( Tornadoes)

·       พายุฝนฟ้าคะนอง ( Thunderstorms)
5. อุทกภัย ( Floods)
6. ภัยแล้ง หรือทุพภิกขภัย ( Droughts)
7. อัคคีภัย ( Fires)
8. ดินถล่ม และโคลนถล่ม ( Landslides and Mudslides)
9.  พายุหิมะและหิมะถล่ม (Blizzard and Avalanches) และ
10. โรคระบาดในคนและสัตว์ ( Human Epidemics and Animal Diseases)

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ดาวเทียม Qoickbird













        เป็นดาวเทียมเชิงพาณิชย์ของ สหรัฐอเมริกา โดยบริษัท Digital Globe ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.  2544  ณ ฐานทัพอากาศ Vandenberg รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา


น้ำหนัก
1,018 กิโลกรัม
ความสูงของการโคจร
450 กิโลเมตร
ลักษณะการโคจร
สัมพันธ์กับดวงอาทิตย์โดยผ่านขั้วโลก
เอียงทำมุมกับแกนโลก
98 องศา
เวลาท้องถิ่นในการบันทึกข้อมูล
10:30 น.
เวลาในการโคจรรอบโลก 1 รอบ
93.4 นาที
จำนวนรอบของการโคจรใน 1 วัน
14.5 รอบ
บันทึกข้อมูลซ้ำที่เดิม
1 - 3.5 วัน ขึ้นอยู่กับเส้นรุ้ง
ระบบบันทึกข้อมูล
Multispectral และ Panchromatic
รายละเอียดภาพ
Pan: 61 เซนติเมตร (nadir) to 72 เซนติเมตร (25° off-nadir
MS: 2.44 เมตร (nadir) to 2.88 เมตร (25° off-nadir)
ความกว้างของภาพ
16.5 กิโลเมตร
อายุการทำงานที่ค่ดหมาย
5 ปี

ดาวเทียม Landsat



         Landsat เป็นชื่อของชุดดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติที่ขึ้นสู่วงโคจร และทำการบันทึกข้อมูลพื้นผิวโลกมาเกือบ 3 ทศวรรต (ดาวเทียมดวงแรกของโครงการถูกส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 1972 และต่อมาดาวเทียมถูกเรียกว่า Landsat ในปี 1975) โดยในระยะแรกโครงการอยู่ภายใต้การจัดการขององค์การ NOAA ของสหรัฐ แล้วถ่ายมาให้อยู่ภายใต้การจัดการของ Earth Observing Satellite Company (EOSAT) ในปี 1984 และต่อมารัฐบาลสหรัฐได้กำหนดให้เป็นพันธกิจของรัฐบาลในการที่จะมีการสำรวจทรัพยากรด้วยดาวเทียมอย่างต่อเนื่อง และได้กำหนดพันธกิจนี้ไว้ในกฏหมายชื่อ The 1992 Land Remote Sensing Policy Act และให้การจัดการดาวเทียม Landsat กลับมาอยู่ภายใต้ USGS และ NASA ในโครงการ U.S. Global Change Research Program (ถ่ายโอนคืนจากการจัดการในเชิงพาณิชย์ มาอยู่ภายใต้การจัดการของหน่วยงานของรัฐบาลกลาง)

        ปัจจุบันดาวเทียม Landsat ที่ทำงานอยู่คือ Landsat 5 และ Landsat 7 (เกิดข้อผิดพลาดกับ Landsat 6 โดยศูนย์ควบคุมไม่สามารถติดต่อกับดาวเทียมได้ในระหว่างการปรับดาวเทียมเข้าสู่วงโคจร ได้มีการหาสาเหตุของปัญหา และกำหนดมาตรการป้องกัน จากนั้นได้เร่งดำเนินการสร้าง และส่ง Landsat 7 ขึ้นสู่วงโคจรในเดือนเมษายน 1999 )

        ภาระกิจของ Landsat คือการสำรวจข้อมูล และเผยแพร่เพื่อการใช้ประโยชน์ของพลเรือน โดยได้มีการพัฒนาอุปกรณ์สำรวจบนดาวเทียมอย่างต่อเนื่อง ในช่วงแรกของโครงการ ดาวเทียม Landsat 1, 2 และ 3 ติดตั้งเครื่องมือสำรวจที่เรียกว่า MSS (Multi-Spectral Scanner) ดาวเทียมรุ่นต่อมา (Landsat 4 และ 5) ติดตั้งเครื่องมือสำรวจที่เรียกว่า TM (Thematic Mapper) และดาวเทียม Landsat 7 ติดตั้งอุปกรณ์ที่เรียกว่า ETM (Enhanced Thematic Mapper)

ระบบสารสนเทศ (Information system)


           ระบบสารสนเทศ (Information system) หมายถึง ระบบที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์  ซอฟท์แวร์  ระบบเครือข่าย  ฐานข้อมูล  ผู้พัฒนาระบบ ผู้ใช้ระบบ  พนักงานที่เกี่ยวข้อง และ ผู้เชี่ยวชาญในสาขา  ทุกองค์ประกอบนี้ทำงานร่วมกันเพื่อกำหนด  รวบรวม จัดเก็บข้อมูล  ประมวลผลข้อมูลเพื่อสร้า สารสนเทศ และส่งผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ได้ให้ผู้ใช้เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงาน การตัดสินใจ  การวางแผน  การบริหาร การควบคุม  การวิเคราะห์และติดตามผลการดำเนินงานขององค์กร (สุชาดา กีระนันทน์, 2541)

            ระบบสารสนเทศ หมายถึง ชุดขององค์ประกอบที่ทำหน้าที่รวบรวม  ประมวลผล จัดเก็บ และแจกจ่ายสารสนเทศ เพื่อช่วยการตัดสินใจ และการควบคุมในองค์กร  ในการทำงานของระบบสารสนเทศประกอบไปด้วยกิจกรรม 3 อย่าง คือ การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ (Input)  การประมวลผล (Processing)  และ การนำเสนอผลลัพธ์ (Output)  ระบบสารสนเทศอาจจะมีการสะท้อนกลับ (Feedback) เพื่อการประเมินและปรับปรุงข้อมูลนำเข้า  ระบบสารสนเทศอาจจะเป็นระบบที่ประมวลด้วยมือ(Manual) หรือระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์ก็ได้ (Computer-based information system –CBIS) (Laudon & Laudon, 2001)
แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเมื่อกล่าวถึงระบบสารสนเทศ มักจะหมายถึงระบบที่ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์และระบบโทรคมนาคม
         
            ระบบสารสนเทศ  หมายถึง ระบบคอมพิวเตอร์ที่จัดเก็บข้อมูล และประมวลผลเป็นสารสนเทศ และระบบสารสนเทศเป็นระบบที่ต้องอาศัยฐานข้อมูล  (CIS 105 -- Survey of Computer Information Systems, n.d.)
             ระบบสารสนเทศ  หมายถึง ชุดของกระบวนการ บุคคล และเครื่องมือ ที่จะเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ  (FAO Corporate Document Repository, 1998)  ระบบสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็นระบบมือหรือระบบอัตโนมัติ หมายถึง ระบบที่ประกอบด้วย คน เครื่องจักรกล(machine)  และวิธีการในการเก็บข้อมูล   ประมวลผลข้อมูล  และเผยแพร่ข้อมูล ให้อยู่ในลักษณะของสารสนเทศของผู้ใช้ (Information system, 2005)

สรุปได้ว่า ระบบสารสนเทศ ก็คือ ระบบของการจัดเก็บ ประมวลผลข้อมูล โดยอาศัยบุคคลและเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินการ เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เหมาะสมกับงานหรือภารกิจแต่ละอย่าง

Laudon & Laudon (2001)  ยังอธิบายว่าในมิติทางธุรกิจ ระบบสารสนเทศเป็นระบบที่ช่วยแก้ปัญหาการจัดการขององค์กร ซึ่งถูกท้าทายจากสิ่งแวดล้อม  ดังนั้นการใช้ระบบสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นที่จะต้องเข้าใจองค์กร(Organzations)   การจัดการ (management)  และเทคโนโลยี (Technology)

เมื่อไร ! สงสัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม


             ขึ้นชื่อว่ามะเร็งพอได้ยินก็กลัวกันทั้งนั้น  ยิ่งสตรีที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรก เมื่อคุณหมอบอกว่าแม้ตัดออกหรือทำการรักษาจนหาย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสกลับมาเป็นมะเร็งอีก มาดูกันว่าเราจะสังเกตและดูแลตัวเองอย่างไรดี

ก้อนที่เต้านม ไม่เจ็บสิน่ากลัว
              บ่อยครั้งสาเหตุที่คนไข้มาหาหมอ มาจากก้อนที่เต้านมเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมา คือ อาการเจ็บเต้านม ผู้หญิงส่วนใหญ่เมื่อมีอาการเจ็บเต้านม มักจะเริ่มสังเกตและคลำที่เต้านม ส่วนหนึ่งจะพบก้อนร่วมด้วย อีก ส่วนหนึ่งไม่พบก้อนหรือไม่แน่ใจ แต่มักจะลงเอยด้วยการพบหมอหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งมักจะมาพบหมอค่อนข้างเร็ว ผิดกับผู้ที่มีก้อนที่เต้านม คลำได้ แต่ไม่รู้สึกเจ็บ มักจะปล่อยเอาไว้เพราะคิดว่าไม่เป็นไร


ซีสมักจะเจ็บ ส่วนมะเร็งมักจะไม่เจ็บ
               ในบรรดาก้อนที่เต้านมนั้น มีโรคกลุ่มหลัก ๆ อยู่ 3 กลุ่ม คือ 1) ซีสเต้านม 2) เนื้องอกเต้านม (ไม่ร้าย) 3) มะเร็งเต้านม ซีสที่เต้านมจะมีการเปลี่ยนแปลงตามรอบเดือน โตก่อนรอบเดือนมาและเล็กลงหลังรอบเดือนมาแล้ว ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยที่มีซีส มักจะเจ็บที่ก้อน ซึ่งผิดกับกลุ่มเนื้องอกหรือมะเร็ง ซึ่งมักจะไม่ค่อยเจ็บ พบว่าร้อยละ 90 ของคนที่เป็นมะเร็งเต้านม ระยะเริ่มแรกจะมีแต่ก้อน ไม่มีอาการเจ็บ ผู้หญิงหลายๆ คนมีความเข้าใจผิดคิดว่าก้อนที่ไม่เจ็บคงไม่เป็นไรและปล่อยทิ้งไว้จนกระทั่งก้อนมะเร็งใหญ่โตขึ้นมากแล้วจึงรู้สึกเจ็บได้

มะเร็งเต้านมพบได้บ่อยแค่ไหน
                แนวโน้มคนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งสูงขึ้นทุกปี ซึ่งกว่าร้อยละ70 ของ โรคมะเร็ง เกิดจากสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป มีมลภาวะเพิ่มมากขึ้น สารพิษที่ปนเปื้อนมากับอาหาร รวมถึงความเครียดภายในจิตใจ จากอุบัติการณ์ในการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉลี่ยแล้วทุก ๆ 3 ชั่วโมง จะพบว่าผู้หญิงไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม 2 คน และพบว่ามีอัตราการเสียชีวิตถึงร้อยละ 30 ของ การเกิดโรคมะเร็งเต้านม ทั้งนี้อัตราการพบมะเร็งเต้านมในแต่ละประเทศไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติและวิถีการดำเนินชีวิต เช่น ในประเทศตะวันตก พบมะเร็งเต้านมได้มากกว่า 100 คน ในสตรีวัยเจริญพันธุ์ 1 แสน คน ส่วนในเอเชียพบน้อยกว่า ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยาของไทยที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารระบาดวิทยาระดับ โลก พบว่าหญิงไทยมีอัตราการพบมะเร็งเพียง 40 คน ในสตรีวัยเจริญพันธุ์ 1แสนคน ซึ่งถ้าเทียบเป็นร้อยละก็เพียง 0.04  ซึ่งนับว่าน้อยมาก

ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
                 อายุ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดต่อการเป็นมะเร็งเต้านม พบว่ายิ่งอายุมากขึ้นโดยเฉพาะสตรีวัย 60 ปีขึ้นไป ยิ่งมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมสูงถึงร้อยละ 50 – 60  รองลงมาคือการเคยผ่าตัดก้อนเนื้อที่เต้านม และพบว่าเป็นซีสเต้านมชนิดที่เริ่มผิดปกติ (atypia) และการพบว่ามีญาติสนิท(แม่ พี่สาว น้องสาว หรือลูก) เป็นมะเร็งเต้านมมากกว่า 2 คน รวม ถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อย ได้แก่ การเริ่มมีประจำเดือนมาครั้งแรกตั้งแต่อายุยังน้อย การหมดประจำเดือน (วัยทอง) ช้า การไม่มีบุตร  หรือมีบุตรยาก และการที่เคยใช้ยากลุ่มฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือนติดต่อกันเป็นเวลานานมากกว่า 10 ปี เป็นต้น

สงสัยว่าเป็นมะเร็งเมื่อไร 
                   ดังได้กล่าวมาแล้ว มะเร็งเต้านมส่วนใหญ่จะไม่มีอาการเจ็บหรือปวด (มีเพียงร้อยละ10 ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มาพบหมอด้วยอาการปวดเต้านม) แต่จะคลำพบก้อนที่เต้านม สังเกตถ้าก้อนที่เป็นมะเร็งเต้านมมักจะแข็งและขรุขระ แต่อาจเป็นก้อนเรียบๆ ได้  อาการ อื่น ๆ อาจพบผิวหนังที่เต้านมบุ๋มลงไปคล้ายลักยิ้ม หรือมีรูปร่างของเต้านมผิดไปจากเดิม หรืออาจมีแผลที่หัวนมและรอบหัวนม หรือมีน้ำเหลืองหรือน้ำเลือดไหลออกจากหัวนม บางรายคลำพบก้อนบริเวณรักแร้ และนานๆ ครั้งจะพบมะเร็งเต้านมที่มีอาการบวมแดงคล้ายการอักเสบที่เต้านม นอกจากอาการผิดปกติที่เต้านมแล้ว การตรวจเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรม(mammogram) และ อัลตราซาวด์ (ultrasound) ยังสามารถตรวจพบมะเร็งเต้านมขนาดเล็กตั้งแต่ยังไม่มีอาการได้ โดยอาจพบก้อน หรือจุดหินปูนในเนื้อเต้านมได้

ตรวจเลือดและยีน (gene)  บอกได้ไหมว่าเป็นมะเร็งเต้านม
                   การตรวจเลือดเพื่อหามะเร็งเต้านมนั้น  มีความแม่นยำค่อนข้างต่ำ เนื่องจากผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านมจะพบผลการตรวจเลือดเกี่ยวกับมะเร็ง เช่น CA153, CEA ผิดปกติน้อยกว่าร้อยละ 20 ขณะเดียวกันผู้ที่มีผลเลือดปกติ ก็อาจเป็นมะเร็งเต้านมอยู่แล้ว
                  ส่วนการตรวจยีน เช่น gene BRCA1, BRCA2 ซึ่ง จะมีความผิดปกติในมะเร็งเต้านมที่เป็นกันทั้งครอบครัว หากตรวจพบก็ไม่ได้หมายความว่า กำลังเป็นมะเร็งอยู่ เพียงแต่ทำให้รู้ว่าโอกาสจะพบมะเร็งเต้านมในคน ๆ นั้นมีมากกว่าคนทั่วไป และยีนดังกล่าวก็พบได้เพียงร้อยละ 5 - 10 ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทั้งหมด ดังนั้นหากตรวจยีนดังกล่าวแล้วปกติก็ยังมีสิทธิ์เป็นมะเร็งเต้านมอยู่ไม่น้อย

                  รู้อย่างนี้แล้วกันไว้ดีกว่า ด้วยการตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ พบแพทย์ตรวจเมื่อมีอาการสงสัย อย่าปล่อยไว้เพราะไม่เจ็บ และตรวจแมมโมแกรมประจำปีตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง



วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประโยชน์รีโมทเซนซิง


รีโมทเซนซิง ได้นำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศหลายด้าน ซึ่งเราสามารถประยุกต์ใช้ในงานต่างๆ เช่น


การใช้ที่ดิน

-   รีโมทเซนซิง สามารถใช้แปล รูปแบบการใช้ที่ดินประเภทต่างๆ และนำผลลัพธ์ที่ได้มาจัดทำแผนที่การใช้ที่ดิน
-  รีโมทเซนซิง นำมาใช้สนับสนุนติดตามและประเมินแนวโน้มการใช้ที่ดินประเภทต่างๆ เช่น ด้านการเกษตร พื้นที่ป่าไม้ เป็นต้น
การเกษตร

-   ภาพถ่ายจากดาวเทียมใช้สำรวจบริเวณพื้นที่เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ  เช่น พื้นที่ปลูกข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา สัปปะรด อ้อย ข้าวโพด ฯลฯ
-   ผลลัพธ์จากการแปลภาพใช้ประเมินการเปลี่ยนแปลงการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจในแง่  ปริมาณ ราคา ช่วงเวลา ฯลฯ
-   ติดตามขอบเขตและความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ป่าและเขตอนุรักษ์พันธุ์ไม้
-  ประเมินบริเวณพื้นที่ที่เหมาะสม  (มีศักยภาพ) ในการปลูกพืชต่าง ๆ เช่น ข้าว ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง เป็นต้น
ป่าไม้

-   ติดตามการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้จากการแปลภาพถ่ายจากดาวเทียม เช่น ป่าดงดิบ ป่าดิบชื้น ป่าเต็งรัง ป่าชายเลน เป็นต้น
-   ผลลัพธ์จากการแปลสภาพพื้นที่ป่า เพื่อสำรวจพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์และป่าเสื่อมโทรม
-   นอกจากนี้ยังใช้สำหรับ ติดตามพื้นที่ไฟป่า และความเสียหายจากไฟป่า
-   ประเมินพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับปลูกป่าทดแทนบริเวณที่ถูกบุกรุก หรือโดนไฟป่า

 ธรณีวิทยา

-   การใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมแปลสภาพพื้นที่เพื่อจัดทำแผนที่ธรณีวิทยาและโครงสร้างทางธรณี ซึ่่งเป็นข้อมูลที่ต้องใช้เวลาและงบประมาณในการสำรวจ และนำมาสนับสนุนในการพัฒนาประเทศ เช่น เพื่อการประเมินหาแหล่งแร่ แหล่งเชื้อเพลิงธรรมชาติ แหล่งน้ำบาดาล การสร้างเขื่อน เป็นต้น
- การใช้รีโมทเซนซิง มาสนับสนุนการจัดทำแผนที่ภูมิประเทศ

การวางผังเมือง

-   ใช้รีโมทเซนซิง ภาพถ่ายจากดาวเทียมรายละเอียดสูง เพื่อใช้ติดตามการขยายตัวของเมือง
-   ภาพถ่ายจากดาวเทียมช่วยให้ติดตาม การเปลี่ยนแปลงลักษณะ/รูปแบบ/ประเภทการใช้ที่ดิน
-   ใช้ภาพถ่ายรายละเอียดสูง ติดตามระบบสาธารณูปโภค เช่น ระบบคมนาคมขนส่งทางบก ทางน้ำ BTS ไฟฟ้า เป็นต้น
-   ผลลัพธ์จากการแปลภาพถ่ายจากดาวเทียมนำมาใช้ในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์วิเคราะห์การพัฒนาสาธารณูปการ เช่น การจัดสร้าง/ปรับปรุง สถานศึกษา โรงพยาบาล สถานีตำรวจ ดับเพลิง ไปรษณีย์ ห้องสมุด สนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ เป็นต้น

สิ่งแวดล้อม

-   รีโมทเซนซิง ได้ใช้แปลสภาพทรัพยากรชายฝั่งที่เปลี่ยนแปลง เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาวิเคราะห์การจัดการทรัพยากรชายฝั่ง  เช่น การพังทลายของดินชายฝั่ง การทำลายป่าชายเลน การทำนากุ้ง การอนุรักษ์ปะการัง เป็นต้น
-   ภาพถ่ายจากดาวเทียมในช่วงคลื่น visible ช่วยในการ ศึกษา/ติดตาม/ตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของคุณภาพน้ำ
-   ผลลัพธ์จากการแปลภาพนำมาประกอบระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ในการวิเคราะห์ความรุนแรงของปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางด้านน้ำ อากาศ เสียง ขยะ และสารพิษ
-   รีโมทเซนซิงจึงช่วยสนับสนุนการวางแผนพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม

โบราณคดี

  - ภาพถ่ายจากดาวเทียมรายละเอียดสูง ใช้ติดตามพื้นที่ แหล่งชุมชนโบราณ หรือพื้นที่โบราณสถาน
  - ภาพถ่ายจากดาวเทียมรายละเอียดสูง ช่วยติดตามเพื่อการบำรุงรักษา คู คันดินรอบชุมชน สระน้ำ


สมุทรศาสตร์และการประมง

 -  รีโมทเซนซิงใช้ในการศึกษาเกี่ยวกับการไหลเวียนของน้ำในท้องทะเล
 -  ศึกษาตะกอนในทะเลและคุณภาพของน้ำบริเวณชายฝั่ง เช่น การแพร่ของตะกอนแขวนลอยจากการทำเหมืองแร่ในทะเล
-  ศึกษาการประมงด้วยภาพดาวเทียมเรดาร์ที่เห็นพื้นที่ประมงน้ำเค็ม

อุตุนิยมวิทยา/อุบัติภัย

   -  ภาพถ่ายจากดาวเทียม สามารถใช้ถ่ายพื้นที่ที่ได้รับเหตุอุบัติภัย และกำหนดขอบเขตบริเวณที่เกิด อุบัติภัยได้ ติดตามและประเมินผลเสียหายเบื้องต้น
 -  ภาพถ่ายจากดาวเทียมนำมาใช้ศึกษาลักษณะการเกิดและประเมินความรุนแรง
 -  ผลลัพธ์ที่ได้จากการแปลพื้นที่ได้รับผลกระทบ เพื่อการวางแผนช่วยเหลือและฟื้นฟู







วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Flying Snakes งูบินได้

งูฟลายอิ้งสเนค อสูรกายบินได้ สีสันงดงาม


งู Chrysopelea หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ งูฟลายอิ้งสเนค Flying Snakes งูที่มีความสามารถในการเลื้อยคลานแบบน่าทึ่งสุดๆ เจ้าอสูรายตัวนี้ ที่มันชื่อว่างูบินได้นั้น ไม่ได้หมายความว่ามันบินได้จริงๆ แต่ด้วยลักษณะพิเศษในการเลื้อยของมัน ซึ่งสามารถเลื้อยในแนวตั้งได้ และ ตราบใด้ที่ส่วนหนึ่งของร่างกายมัน ยังมีที่ให้ยึดจับ มันก็สามารถเลื้อยไปบนพื้นที่ว่างเปล่าได้เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้เองทำให้มันถูกเรียกว่า Flying Snakes นั่นเอง

ความหมายของรีโมตเซนซิง


การสำรวจจากระยะไกล (Remote Sensing)

ความหมายของรีโมตเซนซิง

          รีโมตเซนซิง (Remote Sensing) หรือการสำรวจข้อมูลระยะไกล (การรับรู้ระยะไกล) เป็นศัพท์เทคนิคที่ใช้เป็นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาใน พ.ศ.2503 หมายถึง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแขนงหนึ่ง ที่บันทึกคุณลักษณะของวัตถุ (Object) หรือปรากฎการณ์ (Phenomena) ต่างๆ จากการสะท้อนแสง/หรือ การแผ่รังสีพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Energy) โดยเครื่องวัด/อุปกรณ์บันทึกที่ติดอยู่กับยานสำรวจ  การใช้รีโมตเซนซิงเริ่มแพร่หลายนับตั้งแต่สหรัฐอเมริกาได้ส่งดาวเทียมสำรวจทรัพยากรดวงแรก LANDSAT-1 ขึ้นใน พ.ศ.2515
เราสามารถหาคุณลักษณะของวัตถุได้จากลักษณะการสะท้อนหรือการแผ่พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าจากวัตถุนั้น ๆ คือ "วัตถุแต่ละชนิด จะมีลักษณะการสะท้อนแสงหรือการแผ่รังสีที่เฉพาะตัวและแตกต่างกันไป ถ้าวัตถุหรือสภาพแวดล้อมเป็นคนละประเภทกัน" คุณสมบัติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นสื่อในการได้มาของข้อมูลใน 3 ลักษณะ คือ ช่วงคลื่น(Spectral) รูปทรงสัณฐานของวัตถุบนพื้นโลก (Spatial) และการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา (Temporal) รีโมตเซนซิงจึงเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการจำแนก และเข้าใจวัตถุหรือสภาพแวดล้อมต่าง ๆ จากลักษณะเฉพาะตัวในการสะท้อนแสงหรือแผ่รังสี
          ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจระยะไกล ในที่นี้จะหมายถึง ข้อมูลที่ได้จากการถ่ายภาพทางเครื่องบินในระดับต่ำ ที่เรียกว่า รูปถ่ายทางอากาศ (Aerial Photo) และข้อมูลที่ได้จากการบันทึกภาพจากดาวเทียมในระดับสูงกว่า เรียกว่า ภาพถ่ายจากดาวเทียม (Satellite Image)
องค์ประกอบที่สำคัญของการสำรวจข้อมูลระยะไกล คือ คลื่นแสง ซึ่งเป็นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ว่าเป็นพลังงานที่ได้จากดวงอาทิตย์ หรือเป็นพลังงานจาก ตัวเอง ซึ่งระบบการสำรวจข้อมูลระยะไกลโดยอาศัยพลังงานแสงธรรมชาติ เรียกว่า Passive Remote Sensing ส่วนระบบบันทึกที่มีแหล่งพลังงานที่สร้างขึ้นและส่งไปยัง วัตถุเป้าหมาย เรียกว่า Active Remote Sensing เช่น ระบบเรดาร์ เป็นต้น


หลักการของรีโมตเซนซิง
หลักการของรีโมตเซนซิงประกอบด้วยกระบวนการ 2 กระบวนการ ดังต่อไปนี้คือ

1. การได้รับข้อมูล (Data Acquisition) เริ่มตั้งแต่พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าจากแหล่งกำเนิดพลังงาน เช่น ดวงอาทิตย์ เคลื่อนที่ผ่านชั้นบรรยากาศ, เกิดปฏิสัมพันธ์กับวัตถุบนพื้นผิวโลก และเดินทางเข้าสู่เครื่องวัด/อุปกรณ์บันทึกที่ติดอยู่กับยานสำรวจ (Platform) ซึ่งโคจรผ่าน ข้อมูลวัตถุหรือปรากฏการณ์บนพื้นผิวโลกที่ถูกบันทึกถูกแปลงเป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ส่งลงสู่สถานีรับภาคพื้นดิน (Receiving Station) และผลิตออกมาเป็นข้อมูลในรูปแบบของข้อมูลเชิงอนุมาน (Analog Data) และข้อมูลเชิงตัวเลข(Digital Data) เพื่อนำไปนำวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป

2. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) วิธีการวิเคราะห์มีอยู่ 2 วิธี คือ
- การวิเคราะห์ด้วยสายตา (Visual Analysis) ที่ให้ผลข้อมูลออกมาในเชิงคุณภาพ (Quantitative) ไม่สามารถ วัดออกมาเป็นค่าตัวเลขได้แน่นอน 
- การวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์ (Digital Analysis) ที่ให้ผลข้อมูลในเชิงปริมาณ (Quantitative) ที่สามารถแสดงผลการวิเคราะห์ออกมาเป็นค่าตัวเลขได้ 
การวิเคราะห์หรือการจำแนกประเภทข้อมูลต้องคำนึงถึงหลักการดังต่อไปนี้ 
1. Multispectral Approach คือ ข้อมูลพื้นที่และเวลาเดียวกันที่ถูกบันทึกในหลายช่วงคลื่น ซึ่งในแต่ละช่วงความยาวคลื่น (Band) ที่แตกต่างกันจะให้ค่าการสะท้อนพลังงานของวัตถุหรือพื้นผิวโลกที่แตกต่างกัน
2. Multitemporal Approach คือ การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา จำเป็นต้องใช้ข้อมูลหลายช่วงเวลา เพื่อนำมาเปรียบเทียบหาความแตกต่าง
3. Multilevel Approach คือ ระดับความละเอียดของข้อมูลในการจำแนกหรือวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งขึ้นอยู่กับการประยุกต์ใช้งาน เช่น การวิเคราะห์ในระดับภูมิภาคก็อาจใช้ข้อมูลจากดาวเทียม LANDSAT ที่มีรายละเอียดภาพปานกลาง (Medium Resolution)   แต่ถ้าต้องการศึกษาวิเคราะห์ในระดับจุลภาค เช่น ผังเมือง ก็ต้องใช้ข้อมูลดาวเทียมที่ให้รายละเอียดภาพสูง (High Resolution) เช่น ข้อมูลจากดาวเทียม SPOT, IKONOS, หรือรูปถ่ายทางอากาศเป็นต้น

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การงวางแผนการใช้ที่ดิน




       การวางแผนการใช้ที่ดินคือ การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์มากที่สุด แต่ถ้าจะตีความออกไปให้ยาวขึ้น แผนการใช้ที่ดินหมายถึง  การกำหนดขอบเขตบริเวณที่ดิน ตามความแตกต่างของลำดับขั้นแห่งการใช้ประโยชน์ที่ดินนั้น ๆ โดยพิจารณาจากชนิดของการใช้ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ สภาพเศรษฐกิจและสังคม นโยบายของรัฐ ฯลฯ ทั้งนี้ต้องเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาและการอนุรักษ์ ภายใต้สภาวะแวดล้อมหรือสถานการณ์ในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การใช้ทรัพยากรธรรมชาติเป็นไปอย่างประหยัด บังเกิดประโยชน์ต่อหน่วยพื้นที่สูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ และสามารถอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่สำหรับประโยชน์ในอนาคตด้วย

       การวางแผนการใช้ที่ดิน เป็นการใช้ความรู้ทางด้านวิชาการหลายสาขามาวิเคราะห์พฤติการที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินในอดีต ปัญหาในปัจจุบัน เพื่อกำหนดแนวทางการคาดคะเนความน่าเป็นไปได้ของการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ  เกี่ยวกับการใช้ที่ดินในอนาคต โดยพยายามลาดความผิดพลาดต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อันมีผลต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

       
       การประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน ได้มีการนำมาใช้ในหลายสาขาวิชาชีพ ทั้งในด้านการศึกษา ด้านธุรกิจอุตสาหกรรม ด้านการแพทย์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การทำงาน การศึกษาหาความรู้ ทำให้คุณภาพชีวิตของคนในสังคมปัจจุบันดีขึ้น นอกจากนี้หน่วยงานราชการต่างๆ ก็นำเทคโนโลยีสารสนเทศและ ระบบคอมพิวเตอร์ เข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการติดต่อประสานงานกับทางราชการ และในธุรกิจเอกชนทางด้านการโรงแรม และการท่องเที่ยว ก็ให้บริการข้อมูลข่าวสาร และบริการลูกค้าผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็วทันเหตุการณ์

ประยุกต์ใช้ในงานด้านการศึกษา
      เทคโนโลยีสารสนเทศที่นำมาใช้สำหรับการเรียนการสอน เป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่าง สอนด้วยสื่ออุปกรณ์ที่ทันสมัย ห้องเรียนสมัยใหม่ มีอุปกรณ์วิดีโอโปรเจคเตอร์ (Video Projector)มีเครื่องคอมพิวเตอร์ มีระบบการอ่านข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบต่าง ๆ รูปแบบของสื่อที่นำมาใช้ในด้านการเรียนการสอน ก็มีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำมาใช้ เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน อิเล็กทรอนิกส์บุค วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ ระบบวิดีโอออนดีมานด์ การสืบค้นข้อมูลในคอมพิวเตอร์ และระบบอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

   - คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นการนำเอาเทคโนโลยี รวมกับการออกแบบโปรแกรมการสอน มาใช้ช่วยสอน ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่าบทเรียน CAI ( Computer - Assisted Instruction ) การจัดโปรแกรมการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ในปัจจุบันมักอยู่ในรูปของสื่อประสม (Multimedia) ซึ่งหมายถึงนำเสนอได้ทั้งภาพ ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวฯลฯ โปรแกรมช่วยสอนนี้เหมาะกับการศึกษาด้วยตนเอง และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถโต้ตอบ กับบทเรียนได้ตลอด จนมีผลป้อนกลับเพื่อให้ผู้เรียนรู้ บทเรียนได้อย่างถูกต้อง และเข้าใจในเนื้อหาวิชาของบทเรียนนั้นๆ

   - การเรียนการสอนโดยใช้เว็บเป็นหลัก เป็นการจัดการเรียน ที่มีสภาพการเรียนต่างไปจากรูปแบบเดิม การเรียนการสอนแบบนี้ อาศัยศักยภาพและความสามารถของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการนำเอาสื่อการเรียนการสอน ที่เป็นเทคโนโลยี มาช่วยสนับสนุนการเรียนการสอน ให้เกิดการเรียนรู้ การสืบค้นข้อมูล และเชื่อมโยงเครือข่าย ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกสถานท ี่และทุกเวลา การจัดการเรียนการสอนลักษณะนี้ มีชื่อเรียกหลายชื่อ ได้แก่ การเรียนการสอนผ่านเว็บ (Web-based Instruction) การฝึกอบรมผ่านเว็บ (Web-based Trainning) การเรียนการสอนผ่านเวิล์ดไวด์เว็บ (www-based Instruction) การสอนผ่านสื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) เป็นต้น

   - อิเล็กทรอนิกส์บุค คือการเก็บข้อมูลจำนวนมากด้วยซีดีรอม หนึ่งแผ่นสามารถเก็บข้อมูลตัวอักษรได้มากถึง 600 ล้านตัวอักษร ดังนั้นซีดีรอมหนึ่งแผ่นสามารถเก็บข้อมูลหนังสือ หรือเอกสารได้มากกว่าหนังสือหนึ่งเล่ม และที่สำคัญคือการใช้กับคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถเรียกค้นหาข้อมูลภายในซีดีรอม ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ดัชนี สืบค้นหรือสารบัญเรื่อง ซีดีรอมจึงเป็นสื่อที่มีบทบาทต่อการศึกษาอย่างยิ่ง เพราะในอนาคตหนังสือต่าง ๆ จะจัดเก็บอยู่ในรูปซีดีรอม และเรียกอ่านด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่าอิเล็กทรอนิกส์บุค ซีดีรอมมีข้อดีคือสามารถจัดเก็บ ข้อมูลในรูปของมัลติมีเดีย และเมื่อนำซีดีรอมหลายแผ่นใส่ไว้ในเครื่องอ่านชุดเดียวกัน ทำให้ซีดีรอมสามารถขยายการเก็บข้อมูลจำนวนมากยิ่งขึ้นได้

   - วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ หมายถึงการประชุมทางจอภาพ โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัย เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างบุคคล หรือคณะบุคคลที่อยู่ต่างสถานที่ และห่างไกลกันโดยใช้สื่อทางด้านมัลติมีเดีย ที่ให้ทั้งภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง เสียง และข้อมูลตัวอักษร ในการประชุมเวลาเดียวกัน และเป็นการสื่อสาร 2 ทาง จึงทำให้ ดูเหมือนว่าได้เข้าร่วมประชุมร่วมกันตามปกติ ด้านการศึกษาวิดีโอเทคเลคอนเฟอเรนซ์ ทำให้ผู้เรียนและผู้สอนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ผ่านทางจอภาพ โทรทัศน์และเสียง นักเรียนในห้องเรียน ที่อยู่ห่างไกลสามารถเห็นภาพและเสียง ของผู้สอนสามารถเห็นอากับกิริยาของ ผู้สอน เห็นการเคลื่อนไหวและสีหน้าของผู้สอนในขณะเรียน คุณภาพของภาพและเสียง ขึ้นอยู่กับความเร็วของช่องทางการสื่อสาร ที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างสองฝั่งที่มีการประชุมกัน ได้แก่ จอโทรทัศน์หรือจอคอมพิวเตอร์ ลำโพง ไมโครโฟน กล้อง อุปกรณ์เข้ารหัสและถอดรหัส ผ่านเครือข่ายการสื่อสารความเร็วสูงแบบไอเอสดีเอ็น (ISDN)
 
   - ระบบวิดีโอออนดีมานด์ (Video on Demand) เป็นระบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมนำมาใช้ ในหลายประเทศเช่น ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง ทำให้ผู้ชมตามบ้านเรือนต่าง ๆ สามารถเลือกรายการวิดีทัศน์ ที่ตนเองต้องการชมได้โดยเลือกตามรายการ (Menu) และเลือกชมได้ตลอดเวลา วิดีโอออนดีมานด์ เป็นระบบที่มีศูนย์กลาง การเก็บข้อมูลวีดิทัศน์ไว้จำนวนมาก โดยจัดเก็บในรูปแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ (Video Server) เมื่อผู้ใช้ต้องการเลือกชมรายการใด ก็เลือกได้จากฐานข้อมูลที่ต้องการ ระบบวิดีโอ ออนดีมานด์จึงเป็นระบบที่จะนำมาใช้ ในเรื่องการเรียนการสอนทางไกลได้ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา ผู้เรียนสามารถเลือกเรียน ในสิ่งที่ตนเองต้องการเรียนหรือสนใจได้

    - การสืบค้นข้อมูล (Search Engine) ปัจจุบันได้มีการกล่าวถึงระบบการสืบค้นข้อมูลกันมาก แม้แต่ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ก็มีการประยุกต์ใช้ไฮเปอร์เท็กซ์ในการสืบค้นข้อมูล จนมีโปรโตคอลชนิดพิเศษที่ใช้กัน คือ World Wide Web หรือเรียกว่า www. โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้โปรโตคอล http เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบไฮเปอร์เท็กซ์ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ไฮเปอร์เท็กซ์มีลักษณะเป็นแบบมัลติมีเดีย เพราะสามารถสร้างเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ที่เก็บได้ทั้งภาพ เสียง และตัวอักษร มีระบบการเรียกค้นที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้โครงสร้างดัชนีแบบลำดับชั้นภูมิ โดยทั่วไป ไฮเปอร์เท็กซ์จะเป็นฐานข้อมูลที่มีดัชนีสืบค้นแบบเดินหน้า ถอยหลัง และบันทึกร่องรอยของการสืบค้นไว้ โปรแกรมที่ใช้ในการสร้างไฮเปอร์เท็กซ์มีเป็นจำนวนมาก ส่วนโปรแกรมที่มีชื่อเสียงได้แก่ HTML Compossor FrontPage Marcromedia DreaWeaver เป็นต้น ปัจจุบันเราใช้วิธีการสืบค้นข้อมูล เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประกอบในการทำเอกสารรายงานต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
 
   - อินเทอร์เน็ต คือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายย่อย และเครือข่ายใหญ่สลับซับซ้อนมากมาย เชื่อมต่อกันมากกว่า 300 ล้านเครื่องในปัจจุบัน โดยใช้ในการติดต่อสื่อสาร ข้อความรูปภาพ เสียงและอื่น ๆ โดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่มีผู้ใช้งานกระจายกันอยู่ทั่วโลก ปัจจุบันได้มีการนำระบบอินเทอร์เน็ต เข้ามาใช้ในวงการศึกษากันทั่วโลก ซึ่งมีประโยชน์ในด้านการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก
 
ประยุกต์ใช้ในงานทะเบียนของสถานศึกษา
   - งานรับมอบตัว ทำหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานที่นักศึกษานำมารายงานตัว จากนั้นก็จัดเก็บประวัติภูมิหลังนักศึกษา เช่น ภูมิลำเนา บิดามารดา ประวัติการศึกษา ทุนการศึกษา ไว้ในแฟ้มเอกสารข้อมูลประวัตินักศึกษา

    - งานทะเบียนเรียนรายวิชา ทำหน้าที่จัดรายวิชาที่ต้องเรียนให้กั บนักศึกษา ในแต่ละภาคเรียนทุกชั้นปี ตามแผนการเรียนของแต่ละแผนก แล้วจัดเก็บไว้ในแฟ้มข้อมูลผลการเรียน

   - งานประมวลผลการเรียน ทำหน้าที่นำผลการเรียนจากอาจารย์ผู้สอนมาประมวลในแต่ละภาคเรียน จากนั้นก็จัดเก็บไว้ในแฟ้มเอกสารข้อมูลผลการเรียน และแจ้งผลการเรียนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ

   - งานตรวจสอบผู้จบการศึกษา ทำหน้าที่ตรวจสอบรายวิชา และผลการเรียน ที่นักศึกษาเรียนตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งจบหลักสูตร จากแฟ้มเอกสาร ข้อมูลผลการเรียน ว่าผ่านเกณฑ์การจบหรือไม่

    - งานส่งนักศึกษาฝึกงาน ทำหน้าที่หาข้อมูลจากสถานที่ฝึกงาน ในแต่ละแห่งว่าสามารถรองรับจำนวน นักศึกษาที่จะฝึกงานในรายวิชาต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนเท่าใด จากนั้นก็จัดนักศึกษา ออกฝึกงานตามรายวิชา ให้สอดคล้องกับจำนวนที่สถานประกอบการต้องการ

ประยุกต์ใช้ในห้างสรรพสินค้าและสาขาย่อย
         เนื่องจากห้างสรรพสินค้า เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีอยู่หลายสาขาที่จัดจำหน่ายอยู่ทั่วประเทศ มีซัพพลายเออร์กว่าพันราย และมีพนักงานอยู่หลายพันคน ดังนั้นข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และการตัดสินใจต้องทำอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ ดังนั้นการที่ต้องใช้เทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องอ่านบาร์โค้ดจึงมีความจำเป็นฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศจะเป็นฝ่ายสนับสนุน สิ่งสำคัญที่สุดคือ  เราต้องให้ความมั่นใจได้ว่า ระบบจะต้องทำงานได้ไม่มีปัญหาขัดข้อง ปัจจุบันระบบการเชื่อมต่อห้างสรรพสินค้าจะเป็นแบบสอง ลักษณะคือในต่างจังหวัดจะใช้การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม ในกรุงเทพจะใช้การเชื่อมต่อแบบออนไลน์ ซึ่งจะมีการรับส่งข้อมูลกันทุกวัน ในส่วนของไอที นอกจากจะต้องทำให้ระบบ สามารถทำงานได้ตลอดเวลาแล้ว ยังต้องมั่นใจด้วยว่าข้อมูลที่รับส่งกันนั้นมีความถูกต้อง ซึ่งในแต่ละวันมีข้อมูลมาก ที่จะต้องผ่านการประมวลผลให้แก่ผู้บริหารเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลยอดขายข้อมูลสต็อกและข้อมูลต่างๆ ที่ ผู้บริหารต้องการ

ประยุกต์ใช้ในงานสาธารณสุขและการแพทย์
         เทคโนโลยีสารสนเทศได้รับการนำมาใช้ในการพัฒนา ด้านสาธารณสุขอย่างกว้างขวาง และทำให้งานด้าน สาธารณสุขเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับระบบการบริหารงาน และนำเทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้ในงานต่างๆ ดังนี้
   - ด้านการลงทะเบียนผู้ป่วย ตั้งแต่เริ่มทำบัตร จ่ายยา เก็บเงิน
   - การสนับสนุนการรักษาพยาบาล โดยการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล ต่างๆ เข้าด้วยกัน สามารถสร้างเครือข่ายข้อมูลทางการแพทย์ แลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ป่วย
   - สามารถให้คำปรึกษาทางไกล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชำนาญ เทคโนโลยีสารสนเทศ จะช่วยให้แพทย์สามารถเห็นหน้า หรือท่าทางของผู้ป่วยได้ ช่วยให้ส่งข้อมูลที่เป็นเอกสาร หรือภาพเพื่อประกอบการพิจารณาของแพทย์ได้
   - เทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยในการ ให้ความรู้แก่ประชาชนของแพทย์ หรือหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ได้ผลขึ้น โดยสามารถใช้สื่อต่างๆ เช่นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวมีเสียงและอื่นๆ เป็นต้น
   - เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยให้ผู้บริหารสามารถกำหนดนโยบาย และติดตามกำกับการดำเนินงานตามนโยบายได้ดียิ่งขึ้น โดยอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องฉับไว และข้อมูลที่จำป็น ทั้งนี้อาจใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวเก็บข้อมูลต่างๆ ทำให้การบริหารเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
   - ในด้านการให้ความรู้หรือการเรียน การสอนทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะดาวเทียม จะช่วยให้การเรียนการสอนทางไกล ทางด้านการแพทย์และสาธารณะสุข เป็นไปได้มากขึ้นประชาชนสามารถเรียนรู้พร้อมกันได้ทั่วประเทศและ ยังสามารถโต้ตอบหรือถามคำถามได้ด้วย

ประยุกต์ใช้ในงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
         กลุ่มนักวิทยาสตร์ วิศวกรที่ต้องการศึกษาพฤติกรรมบางอย่างของสิ่งมีชีวต รวมถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่นศึกษาการกระจายถิ่นที่อยู่ของนก การกระจายของแบคทีเรีย การสร้างอาณาจักรของมด ผึ้ง ชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ป่าต่าง ๆ การพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตลอดจนระบบนิเวศวิทยา ความสนใจในการจำลองความเป็นอยู่ของ สิ่งมีชีวิตได้มีมานานแล้ว เริ่มตั้งแต่ครั้ง จอห์น พอยเมน ผู้เป็นนักคณิตศาสตร์ เสนอแนวคิดการทำให้เครื่องจักรทำงานโดยอัตโนมัติภายใต้โปรแกรม ซึ่งเป็นรากฐานของเครื่องคอมพิวเตอร์ จนถึงปัจจุบันเกมแห่งชีวิตจึงเกิดขึ้น

ประยุกต์ใช้ในงานด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม
         เทคโนโลยีของการสื่อสารและโทรคมนาคมในปัจจุบันก้าวไกลไปมาก มีบริการมากมายที่ทันสมัยและตอบรับกับการนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ ตัวอย่างการใช้โทรศัพท์ในปัจจุบันนี้ก็มิไดมีไว้เพียงสำหรับคุยสนทนาเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่มันสามารถช่วยงานได้มากขึ้น โดยอ้างอิงข้อมูลและการเปิดให้บริการของบริษัท มีติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียมทั้งภาพและเสียง มีโทรศัพท์มือถือรุ่นต่าง ๆ ออกมามากมาย พัฒนาทั้งหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน เช่นเทเลคอม เอเชีย คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้วางแผนการก่อสร้าง และติดตั้งขยายบริการโทรศัพท์พื้นฐาน 2.6 ล้านเลขหมาย ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงการซ่อมบำรุงรักษาเป็นระยะเวลา 25 ปี และเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการในปัจจุบัน

ประยุกต์ใช้ในงานด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์
        การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการออกแบบ ได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการออกแบบ ( CAD : Computer Aided Design) ออกแบบผลิตภัณฑ์ ออกแบบสินค้า และสามารถใช้คอมพิวเตอร์ช่วยควบคุมกระบวนการผลิต ( CAM : Computer Aided Menufacturing ) เช่นควบคุมอุณหภูมิ ควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ลดแรงงาน โดยใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมหุ่นยนต์ทำงาน
 
ประยุกต์ใช้ในสำนักงานภาครัฐและเอกชน
         ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ มากมาย เช่น การทำบัตรประจำตัวประชาชน การเกิด การตาย การเสียภาษีอากร การทำใบอนุญาตขับรถยนต์ การจ่ายค่าสาธารณูปโภคต่างๆ การประมวลผลคะแนนเลือกตั้ง ฯลฯ เป็นต้น งานเหล่านี้ได้มีการนำระบบสำนักงานอัตโนมัติเข้ามาใช้ เพื่อทำให้ได้ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็ว และยังตอบสนองกับการบริหารยุคใหม่ที่ต้องใช้ข้อมูลเป็นหลักในการบริหารจัดการ

          กล่าวโดยสรุปคือ ได้มีการนำคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในหน่วยงานต่าง ๆ เกือบทุกวงการ ทั้งภาครัฐและเอกชนไม่ว่าจะอยู่ในรูปของบุคคลหรือองค์กรใด ๆ ก็ตาม ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการศึกษาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในหน่วยงานด้านการศึกษาก็มีความตื่นตัวและเปิดทำการเรียนการสอนในหลักสูตรดังกล่าว ทั้งในระดับ อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา และเป็นสาขาวิชาที่มีนักศึกษา ให้ความสนใจ กันมากเนื่องจากยังมีตลาดแรงงานรองรับมากนั่นเอง

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประวัติและความเป็นมาของคอมพิวเตอร์

ประวัติและความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ความหมายและความเป็นมา
     เมื่อพิจารณาศัพท์คำว่า คอมพิวเตอร์ ถ้าแปลกันตรงตัวตามคำภาษาอังกฤษ จะหมายถึงเครื่องคำนวณ ดังนั้นถ้ากล่าวอย่างกว้าง ๆ เครื่องคำนวณที่มีส่วนประกอบเป็นเครื่องกลไกหรือเครื่องไฟฟ้า ต่างก็จัดเป็นคอมพิวเตอร์ได้ทั้งสิ้น ลูกคิดที่เคยใช้กันในร้านค้า ไม้บรรทัด คำนวณ (slide rule) ซึ่งถือเป็นเครื่องมือประจำตัววิศวกรในยุคยี่สิบปีก่อน หรือเครื่องคิดเลข ล้วนเป็นคอมพิวเตอร์ได้ทั้งหมด
     ในปัจจุบันความหมายของคอมพิวเตอร์จะระบุเฉพาะเจาะจง หมายถึงเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำงานคำนวณผลและเปรียบเทียบค่าตามชุดคำสั่งด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องและอัตโนมัติ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้คำจำกัดความของคอมพิวเตอร์ไว้ค่อนข้างกะทัดรัดว่า เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เสมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์
การจำแนกคอมพิวเตอร์ตามลักษณะวิธีการทำงานภายในเครื่องคอมพิวเตอร์อาจแบ่งได้เป็นสองประเภทใหญ่ ๆ คือ
     แอนะล็อกคอมพิวเตอร์ (analog computer) เป็นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้ใช้ค่าตัวเลขเป็นหลักของการคำนวณ แต่จะใช้ค่าระดับแรงดันไฟฟ้าแทน ไม้บรรทัดคำนวณ อาจถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของแอนะล็อกคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ค่าตัวเลขตามแนวความยาวไม้บรรทัดเป็นหลักของการคำนวณ โดยไม้บรรทัดคำนวณจะมีขีดตัวเลขกำกับอยู่ เมื่อไม้บรรทัดหลายอันมรประกบรวมกัน การคำนวณผล เช่น การคูณ จะเป็นการเลื่อนไม้บรรทัดหนึ่งไปตรงตามตัวเลขของตัวตั้งและตัวคูณของขีดตัวเลขชุดหนึ่ง แล้วไปอ่านผลคูณของขีดตัวเลขอีกชุดหนึ่งแอนะล็อกคอมพิวเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์จะใช้หลักการทำนองเดียวกัน โดยแรงดันไฟฟ้าจะแทนขีดตัวเลขตามแนวยาวของไม้บรรทัด
     แอนะล็อกคอมพิวเตอร์จะมีลักษณะเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่แยกส่วนทำหน้าที่เป็นตัวกระทำและเป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ จึงเหมาะสำหรับงานคำนวณทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่อยู่ในรูปของสมการคณิตศาสตร์ เช่น การจำลองการบิน การศึกษาการสั่งสะเทือนของตึกเนื่องจากแผ่นดินไหว ข้อมูลตัวแปรนำเข้าอาจเป็นอุณหภูมิความเร็วหรือความดันอากาศ ซึ่งจะต้องแปลงให้เป็นค่าแรงดันไฟฟ้า เพื่อนำเข้าแอนะล็อกคอมพิวเตอร์ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเป็นแรงดันไฟฟ้าแปรกับเวลาซึ่งต้องแปลงกลับไปเป็นค่าของตัวแปรที่กำลังศึกษา
     ในปัจจุบันไม่ค่อยพบเห็นแอนะล็อกคอมพิวเตอร์เท่าไรนักเพราะผลการคำนวณมีความละเอียดน้อย ทำให้มีขีดจำกัดใช้ได้กับงานเฉพาะบางอย่างเท่านั้น
     ดิจิทัลคอมพิวเตอร์ (digital computer) คอมพิวเตอร์ที่พบเห็นทั่วไปในปัจจุบัน จัดเป็นดิจิทัลคอมพิวเตอร์แทบทั้งหมด ดิจิทัลคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานเกี่ยวกับตัวเลข มีหลักการคำนวณที่ไม่ใช่แบบไม้บรรทัดคำนวณ แต่เป็นแบบลูกคิด โดยแต่และหลักของลูกคิดคือ หลักหน่วย หลักร้อย และสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นระบบเลขฐานสินที่แทนตัวเลขจากศูนย์ถ้าเก้าไปสิบตัวตามระบบตัวเลขที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
     ค่าตัวเลขของการคำนวณในดิจิทัลคอมพิวเตอร์จะแสดงเป็นหลักเช่นเดียวกัน แต่จะเป็นระบบเลขฐานสองที่มีสัญลักษณ์ตัวเลขเพียงสองตัว คือเลขศูนย์กับเลขหนึ่งเท่านั้น โดยสัญลักษณ์ตัวเลขทั้งสองตัวนี้ จะแทนลักษณะการทำงานภายในซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่ต่างกัน การคำนวณภายในดิจิทัลคอมพิวเตอร์จะเป็นการประมวลผลด้วยระบบเลขฐานสองทั้งหมด ดังนั้นเลขฐานสิบที่เราใช้และคุ้นเคยจะถูกแปลงไปเป็นระบบเลขฐานสองเพื่อการคำนวณภายในคอมพิวเตอร์ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังเป็นเลขฐานสองอยู่ ซึ่งคอมพิวเตอร์จะแปลงเป็นเลขฐานสิบเพื่อแสดงผลให้ผู้ใช้เข้าใจได้ง่าย
     จากอดีตสู่ปัจจุบัน
     พัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีทางด้าน คอมพิวเตอร์ เมื่อ 50 ปีที่แล้วมา มีคอมพิวเตอร์ขึ้นใช้งาน ต่อมาเกิดระบบสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่เกิดขึ้นมากมาย และมีแนวโน้มการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เราสามารถแบ่งพัฒนาการคอมพิวเตอร์จากอดีตสู่ปัจจุบัน สามารถแบ่งเป็นยุคก่อนการใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิคส์ และยุคที่เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิคส์
     เครื่องคำนวณในยุคประวัติศาสตร์
     เครื่องคำนวณเครื่องแรกของโลก ได้แก่ ลูกคิด มีการใช้ลูกคิดในหมู่ชาวจีนมากกว่า 7000 ปี และใช้ในอียิปต์โบราณมากกว่า 2500 ปี ลูกคิดของชาวจีนประกอบด้วยลูกปัดร้อยอยู่ในราวเป็นแถวตามแนวตั้ง โดยแต่ละแถวแบ่งเป็นครึ่งบนและล่าง ครึ่งบนมีลูกปัด 2 ลูก ครึ่งล่างมีลูกปัด 5 ลูก แต่ละแถวแทนหลักของตัวเลข
     เครื่องคำนวณกลไกที่รู้จักกันดี ได้แก่ เครื่องคำนวณของปาสคาลเป็นเครื่องที่บวกลบด้วยกลไกเฟืองที่ขบต่อกัน เบลส ปาสคาล (Blaise Pascal) นักคณิตศาสาตร์ชาวฝรั่งเศส ได้ประดิษฐ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2185
     คอมพิวเตอร์ในยุคเริ่มแรก ได้แก่ เครื่องจักรกลหรือสิ่งประดิษฐ์ขึ้นเพื่อช่วยในการ คำนวณ โดยที่ยังไม่มีการ นำวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมด้วย ลำดับเครื่องมือขึ้นมามีดังนี้
     ในระยะ 5,000 ปีที่ผ่านมา มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการคำนวณ และพัฒนา มาใช้อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ลูกหิน ใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิด
     ต่อมาประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการ คำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด ซึ่งถือได้ว่า เป็นอุปกรณ์ใช้ช่วยการคำนวณที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและคงยังใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน
     พ.ศ. 2158 นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ชื่อ John Napier ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ใช้ ช่วยการคำนวณขึ้นมา เรียกว่า Napier's Bones เป็นอุปกรณ์ที่ลักษณะคล้ายกับตารางสูตรคูณในปัจจุบัน เครื่องมือชนิดนี้ช่วยให้ สามารถ ทำการคูณและหาร ได้ง่ายเหมือนกับทำการบวก หรือลบโดยตรง
      พ.ศ 2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศลชื่อ Blaise Pascal ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 19 ปี ได้ออกแบบ เครื่องมือในการคำนวณโดย ใช้หลักการหมุนของฟันเฟืองหนึ่งอันถูกหมุนครบ 1 รอบ ฟันเฟืองอีกอันหนึ่งซึ่งอยู่ ทางด้านซ้ายจะถูกหมุนไปด้วยในเศษ 1 ส่วน 10 รอบ เครื่องมือของปาสคาลนี้ถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะชน เมื่อ พ.ศ. 2188 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากราคาแพง และเมื่อใช้งานจริงจะเกิดเหตุการณ์ที่ฟันเฟืองติดขัดบ่อยๆ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ค่อยถูกต้องตรงความเป็นจริง
     เครื่องมือของปาสคาล สามารถใช้ได้ดีในการคำนวณการบวกและลบ ส่วนการคูณและหารยังไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นในปี พ.ศ. 2216 นักปราชญษชาวเยอรมันชื่อ Gottfriend von Leibnitz ได้ปรับปรุงเครื่งคำนวณของ ปาสคาลให้สามารถทหการคูณและหารได้โดยตรง โดยที่การคูณใช้หลักการบวกกันหลายๆ ครั้ง และการหาร ก็คือการลบกันหลายๆ ครั้ง แต่เครื่องมือของ Leibnitz ยังคงอาศัยการหมุนวงล้อ ของเครื่องเองอัตโนมัติ นับว่า เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ดูยุ่งยากกลับเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
      พ.ศ. 2344 นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศลชื่อ Joseph Marie Jacquard ได้พยายามพัฒนาเครื่องทอผ้าโดยใช้ บัตรเจาะรูในการบันทึกคำสั่ง ควบคุมเครื่องทอผ้าให้ทำตามแบบที่กำหนดไว้ และแบบดังกล่าวสามารถนำมา สร้างซ้ำๆ ได้อีกหลายครั้ง ความพยายามของ Jacquard สำเร็จลงใน พ.ศ. 2348 เครื่องทอผ้านี้ถือว่าเป็น เครื่องทำงานตามโปรแกรมคำสั่งเป็นเครื่องแรก
     พ.ศ. 2373 Chales Babbage ถือกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2334 จบการศึกษาทางด้านคณิตศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ และได้รับตำแหน่ง Lucasian Professor ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ Isaac Newton เคยได้รับมาก่อน ในขณะที่กำลังศึกษาอยู่นั้น Babbage ได้สร้างเครื่อง หาผลต่าง (Difference Engine) ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้คำนวณ และพิมพ์ตารางทางคณิศาสตร์อย่างอัตโนมัติ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2373 เขาได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอังกฤษเพื่อสร้างเครื่อง Difference Engine ขึ้นมาจริงๆ
     แต่ในขณะที่ Babbage ทำการสร้างเครื่อง Difference Engine อยู่นั้น ได้พัฒนาความคิดไปถึง เครื่องมือในการคำนวนที่มีความสามารถสูงกว่านี้ ซึ่งก็คอืเครื่องที่เรียกว่าเครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) และได้ยกเลิกโครงการสร้างเครื่อง Difference Engine ลงแล้วเริ่มต้นงานใหม่ คือ งานสร้างเครื่องวิเคราะห์ ในความคิดของเขา โดยที่เครื่องดังกล่าวประกอบไปด้วยชิ้นส่วนที่สำคัญ 4 ส่วน คือ
  1. ส่วนเก็บข้อมูล เป็นส่วนที่ใช้ในการเก็บข้อมูลนำเข้าและผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณ
  2. ส่วนประมวลผล เป็นส่วนที่ใช้ในการประมวลผลทางคณิตศาสตร์
  3. ส่วนควบคุม เป็นส่วนที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างส่วนเก็บข้อมูล และส่วนประมวลผล
  4. ส่วนรับข้อมูลเข้าและแสดงผลลัพธ์ เป็นส่วนที่ใช้รับทราบข้อมูลจากภายนอกเครื่องเข้าสู่ส่วนเก็บ และแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณให้ผู้ใช้ได้รับทราบ
     เป็นที่น่าสังเกตว่าส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่อง Alaytical Engine มีลักษณะใกล้เคียงกับส่วนประกอบ ของระบบคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบัน แต่น่าเสียดายที่เครื่อง Alalytical Engine ของ Babbage นั้นไม่สามารถ สร้างให้สำเร็จขึ้นมาได้ ทั้งนี้เนื่องจากเทคโนโลยี สมัยนั้นไม่สามารถสร้างส่วนประกอบต่างๆ ดังกล่าว และอีกประการหนึ่งก็คือ สมัยนั้นไม่มีความจำเป็น ต้องใช้เครื่องที่มีความสามารถสูงขนาดนั้น ดังนั้นรัฐบาล อังกฤษจึงหยุดให้ความสนับสนุนโครงการของ Babbage ในปี พ.ศ. 2385 ทำให้ไม่มีทุนที่จะทำการวิจัยต่อไป สืบเนื่องจากมาจากแนวความคิดของ Analytical Engine เช่นนี้จึงทำให้Charles Babbage ได้รับการยกย่อง ให้เป็น บิดาของเครื่องคอมพิวเตอร์
     พ.ศ. 2385 ชาวอังกฤษ ชื่อ Lady Auqusta Ada Byron ได้ทำการแปลเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่อง Anatical Engine จากภาษาฝรั่งเศลเป็นภาษาอังกฤษ ในระหว่างการแปลทำให้ Lady Ada เข้าใจถึงหลักการทำงาน ของเครื่อง Analytical Engine และได้เขียนรายละเอียดขั้นตอนของคำสั่งให้เครื่องนี้ทำการคำนวณที่ยุ่งยาก ซับซ้อนไว้ในหนังสือทางคณิตศาสตร์เล่มหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์โปรแกรมแรกของโลก และจากจุดนี้จึงถือว่า Lady Ada เป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก (มีภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมที่เก่แก่ อยู่หนึ่งภาษาคือภาษา Ada มาจาก ชื่อของ Lady Ada) นอกจากนี้ Lady Ada ยังค้นพบอีกว่าชุดบัตรเจาะรู ที่บรรจุคำสั่งไว้สามารถนำกลับมาทำงานซ้ำได้ถ้าต้องการ นั่นคือหลักของการทำงานวนซ้ำ หรือเรียกว่า Loop เครื่องมือที่ใช้ในการคำนวณที่ถูกพัฒนาขึ้นในศตวรรษที่ 19 นั้น ทำงานกับเลขฐานสิบ (Decimal Number) แต่เมื่อเริ่มต้นของศตวรรษที่ 20 ระบบคอมพิวเตอร์ได้ถูกพัฒนาขึ้นจึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงมาใช้ เลขฐานสอง (Binary Number) กับระบบคอมพิวเตอร์ ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากหลักของพีชคณิต
     พ.ศ. 2397 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ George Boole ได้ใช้หลักพีชคณิตเผยแพร่กฎของ Boolean Algebra ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ที่ใช้อธิบายเหตุผลของตรรกวิทยาที่ตัวแปรมีค่าได้เพียง "จริง" หรือ "เท็จ" เท่านั้น (ใช้สภาวะเพียงสองอย่างคือ 0 กับ 1 ร่วมกับเครื่องหมายในเชิงตรรกพื้นฐาน คือ AND, OR และ NOT)
     สิ่งที่ George Boole คิดค้นขึ้น นับว่ามีประโยชน์ต่อระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็น การยากที่จะใช้กระแสไฟฟ้า ซึ่งมีเพี่ยง 2 สภาวะ คือ เปิด กับ ปิด ในการแทน เลขฐานสิบซึ่งมีอยู่ถึง 10 ตัว คือ 0 ถึง 9 แต่เป็นการง่ายกว่าเราแทนด้วยเลขฐานสอง คือ 0 กับ 1 จึงถือว่าสิ่งนี้เป็นรากฐานที่สำคัญของการ ออกแบบวงจรระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
     พ.ศ. 2423 Dr. Herman Hollerith นักสถิติชาวอเมริกันได้ประดิษฐ์เครื่องประมวลผลทางสถิติซึ่ง ใช้กับบัตรเจาะรู เครื่องนี้ได้รับการพัฒนา ให้ดียิ่งขึ้นและมาใช้งานสำรวจสำมะโนประชากร ของสหรัฐอเมริกา ในป พ.ศ. 2433 และช่วยให้การสรุปผลสำมะโนประชากรเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่ง (โดยก่อนหน้านั้นต้องใช้เวลาถึง 7 ปีครึ่ง) เรียกบัตรเจาะรูนี้ว่า บัตรฮอลเลอริธ และชื่ออื่นๆ ที่ใช้เรียกบัตรนี้ ก็คือ บัตร ไอบีเอ็ม หรือบัตร 80 คอลัมน์ เพราะผู้ผลิตคือ บริษัท IBM
การกำเนิดของเครื่องคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์
     เครื่องมือทั้งหลายที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาในยุคก่อนนั้นส่วนมากประกอบด้วยฟันเฟือง รอก คาน ซึ่งเป็นวัสดุ ที่มีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักมากทำให้การทำงานล่าช้าและผิดพลาดอยู่เสมอ ดังนั้นในยุคต่อมาจึงพยายาม พัฒนาเครื่องมือ ให้มีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ดังนี้
     พ.ศ. 2480 ศาสตราจารย์ Howard Aiken แห่งมหาลัยวิทยาลัยฮาวาร์ด ได้พัฒนาเครื่องคำนวณ ตาม แนวคิด ของ Babbage ร่วมกับวิศวะกรของบริษัท IBM สร้างเครื่องคำนวณตามความคิดของ Babbage ได้ สำเร็จ โดยเครื่องดังกล่าวทำงานแบบเครื่องจักรกลปนไฟฟ้า และใช้บัตรเจาะรูเป็นสื่อในการนำเข้าข้อมูลสู่ เครื่องเพื่อทำการประมวลผล การพัฒนาดังกล่าวมาเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2487 โดยเครื่องมือนี้มีชื่อว่า MARK 1 และเนื่องจากเครื่องนี้สำเร็จได้จากการสนับสนุน ด้านการเงินและบุคลากรจากบริษัท IBM ดังนั้นจึงมีอีกชื่อ หนึ่งว่า IBM Automatic Sequence Controlled Calculator และนับเป็นเครื่องคำนวณแบบอัตโนมัติเครื่องแรกของโลก
     พ.ศ. 2486 ซึ่งเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ศูนย์วิจัยของกองทัพบกสหรัฐอเมริกามีความจำเป็นที่จะต้อง คิดค้นเครื่องช่วยคำนวณ เพื่อใช้คำนวณหาทิศทางและระยะทางในการส่งขีปนาวุธ ซึ่งถ้าใช้เครื่องคำนวณที่มี อยู่ในสมัยนั้นจะต้องใช้เวลาถึง 12 ชั่วโมงในการคำนวณ การยิง 1 ครั้ง ดังนั้นกองทัพจึงให้กองทุนอุดหนุนแก่ John W. Mauchly และ Persper Eckert จากหมาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ในการสร้างคอมพิวเตอร์ จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมา โดยนำหลอดสุญยากาศ (Vacuum Tube) จำนวน 18,000 หลอด มาใช้ในการสร้าง ซึ่งมีข้อดีคือ ทำให้เครื่องมีความเร็ว และมีความถูกต้องแม่นยำในการคำนวณมากขึ้น ในด้านของความเร็วนั้น เครื่องจักกลมีความเฉื่อยของการเคลื่อนที่ของชิ้นส่วนประกอบ แต่คอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ จะใช้อิเล็กตรอนเป็นตัวคลื่อนที่ ทำให้สามารถส่งข้อมูลด้วยกระแสไฟฟ้าได้ ด้วยความเร็วใกล้เคียงกับความเร็วของแสง ส่วนความถูกต้องแม่นยำในการทำงานของเครื่องจักรกลอาศัยฟันเฟือง รอก คาน ในการทำงาน ทำให้ทำงานได้ช้า และเเกิดความผิดพลดได้ง่าย
     พ.ศ. 2489 เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ Mauchly และ Eckert คิดค้นขึ้นได้มีชื่อว่า ENIAC ย่อมาจาก (Electronic Numberical Integrater and Caculator) ประสบความสำเร็จในปี พ.ศ. 2489 ถึงแม้ว่าจะไม่ทันใช้ในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ความเร็วในการตำนวณของ ENIAC ทำให้วงการคอมพิวเตอร์ขณะนั้น ยอมรับความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ แต่อย่างไรก็ตาม ENIAC ทำงานด้วยไฟฟ้าทั้งหมดทำให้ในการทำงานแต่ละครั้งจึงทำให้เกิดความร้อนสูงมาก จำเป็นต้องติดตั้งไว้ในห้องที่มีเครือ่งปรับอากาศด้วย นอกจากนี้ ENIAC ยังเก็บได้เฉพาะข้อมูลที่เป็นตัวเลขขนาด 10 หลัก และเก็บได้เพียง 20 จำนวน เท่านั้น ส่วนชุดคำสั่งนั้น ยังไม่สามารถเก็บไว้ในเครื่องได้ การส่งชุดคำสั่งเข้าเครื่องจะต้องใช้วิธีการเดินสายไฟสร้างวงจร ถ้ามีการแก้ไขโปรแกรม ก็ต้องมีการเดินสายไฟกันใหม่ ซึ่งใช้เวลาเป็นวัน
     ความคิดต่อมาในการพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ดีขึ้นก็คือ การค้นหาวิธีการเก็บโปรแกรมไว้ในเครื่อง เพื่อลดความยุ่งยาก ของขั้นตอนการป้อนคำสั่งเข้าเครื่อง มีนักคณิตศาสตร์เชื้อสายฮังการเรียนชื่อ Dr.John Von Neumann ได้พบวิธีการเก็บโปรแกรมไว้ ในหน่วยความจำของเครื่องเช่นเดียวกับการเก็บข้อมูลและต่อวงจรไฟฟ้า สำหรับการคำนวณ และการปฏิบัติการพื้นฐาน ไว้ให้เรียบร้อยภายในเครื่อง แล้วเรียกวงจรเหล่านี้ด้วยรหัสตัวเลขที่กำหนดไว้ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นตามแนวความคิดนี้ได้แก่ EVAC (Electronic Ddiscreate Variable Automatic Computer) ซึ่งสร้างเสร็จใน พ.ศ. 2492 และนำมาใช้งานจริงในปี พ.ศ. 2494 และในเวลาใกล้เคียงกัน ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดส์ ประเทศอังกฤษ ได้มีการสร้างคอมพิวเตอร์มีลักษณะคล้ายกับเครื่อง EVAC และให้ชื่อว่า EDSAC (Electronic Delay Strorage Automatic Caculator)
เครื่องคอมพิวเตอร์ในแต่ละยุค
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 (พ.ศ. 2497-2501) 
คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หลอดสูญญากาศ (Vacuum tube) เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องยังมีขนาดใหญ่มาก ใช้กระแสไฟฟ้าจำนวนมาก ทำให้เครื่องมีความร้อนสูงจึงมักเกิดข้อผิดพลาดง่าย คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ได้แก่ UNIVAC I , IBM 600
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 (พ.ศ. 2502-2507) 
คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้ทรานซิสเตอร์ (Transistor) เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และใช้วงแหวนแม่เหล็กเป็นหน่วยความจำ คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กกว่ายุคแรก ต้นทุนต่ำกว่า ใช้กระแสไฟฟ้าและมีความแม่นยำมากกว่า
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 (พ.ศ. 2508-2513) 
คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจรไอซี (Integrated Circuit) เป็นสารกึ่งตัวนำที่สามารถบรรจุวงจรทางตรรกะไว้แล้วพิมพ์บนแผ่นซิลิกอน(Silicon) เรียกว่า "ชิป"
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 (พ.ศ. 2514-2523) 
คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจร LSI (Large-Scale Integrated Ciruit) เป็นการรวมวงจรไอซีจำนวนมากลงในแผ่นซิลิกอนชิป 1 แผ่น สามารถบรรจุได้มากกว่า 1 ล้านวงจร ด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ทำให้เกิดแนวคิดในการบรรจุวงจรที่สำคัญสำหรับการทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์นั่นคือ CPU ลงชิปตัวเดียว เรียกว่า "ไมโครโปรเชสเซอร์"
คอมพิวเตอร์ยคุที่ 5 (พ.ศ. 2524-ปัจจุบัน) 
คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจร VLSI (Very Large-Scale Integrated Ciruit) เป็นการพัฒนาไมโครโปรเซสเซอร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ก่อกำเนิด ไมโครโปรเซสเซอร์
     เมื่อก่อนนั้น Intel เป็นบริษัทผลิตชิปไอซี แห่งหนึ่งที่ไม่ใหญ่โตมากนักเท่าในปัจจุบัน เมื่อปี ค.ศ.1969 ได้สร้างความสะเทือน ให้กับวงการอิเล็คทรอนิคส์ โดยการออกชิปหน่วยความจำ(Memory)ขนาด 1 Kbyte มาเป็นรายแรก
     บริษัทบิสซิคอมพ์(Busicomp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องคิดเลขของญี่ปุ่ญได้ทำการว่าจ้างให้ Intel ทำการผลิตชิปไอซี ที่บิสซิคอมพ์เป็นคนออกแบบเองที่มีจำนวน 12 ตัว โครงการนี้ถูกมอบหมายให้นาย M.E. Hoff, Jr. ซึ่งเข้าตัดสินใจที่จะใช้วิธีการออกแบบชิปแบบใหม่ โดยสร้างชิปที่ให้ถูกโปรแกรมได้ หมายถึงว่า สามารถนำเอาชุดคำสั่งของการคำนวณไปเก็บไว้ใน หน่วยความจำก่อนแล้วให้ไอซีตัวนี้อ่านเข้ามาแปล ความหมาย และทำงานภายหลัง
     ในปี 1971 Intel ได้นำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า Intel 4004 ในราคา 200 เหรียญสหรัฐ และเรียกชิปนี้ว่าเป็น ไมโครโปรเซสเซอร์(Micro Processor) ก็เพราะว่า 4004 นี้เป็น CPU (Central Processing Unit) ตัวหนึ่ง ซึ่งมีขนาด 4.2 X 3.2 มิลลิเมตร ภายในประกอบด้วย ทรานซิสเตอร์ จำนวน 2250 ตัว และเป็น ไมโครโปรเซสเซอร์ขนาด 4 บิต
     หลังจาก 1 ปีต่อมา Intel ได้ออก ไมโครโปรเซสเซอร์ ขนาด 8 บิตออกมาโดยใช้ชื่อว่า 8008 มีชุดคำสั่ง 48 คำสั่ง และอ้างหน่วยความจำได้ 16 Kbyte ซึ่งทาง Intel หวังว่าจะเป็นตัวกระตุ้นตลาดทางด้านชิปหน่วยความจำได้อีกทางหนึ่ง
     เมื่อปี 1973 ทาง Intel ได้ออก ไมโครโปรเซสเซอร์ 8080 ที่มีชุดคำสั่งพื้นฐาน 74 คำสั่งและสามารถอ้างหน่วยความจำได้ 64 Kbyte
ไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องแรกของโลก
     เมื่อปี 1975 มีนิตยสารต่างประเทศฉบับหนึ่ง ชื่อว่า Popular Electronics ฉบับเดือน มกราคม ได้ลงบทความ เกี่ยวกับเครื่อง ไมโครโปรเซสเซอร์ เครื่องแรกของโลกที่มีชื่อว่า อัลแตร์ 8800 (Altair) ซึ่งทำออกมาเป็นชุดคิท โดยบริษัท MITS (Micro Insumentation And Telemetry Systems) ลักษณะของชุดคิท ก็คือ จะอยู่ในรูปของอุปกรณ์แต่ละชิ้นโดยให้ คุณนำไปประกอบขึ้นใช้เอง
     บริษัท MITS ถูกก่อตั้งเมื่อปี 1969 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำตลาดในด้านเครื่องคิดเลข แต่การค้าชลอตัวลง ประธานบริษัท ชื่อ H. Edword Roberts เห็นการไกล คิดเปิดตลาดใหม่ซึ่งจะขายชุดคิด คอมพิวเตอร์ ประมาณเอาไว้ว่าอาจขาย ได้ในจำนวนปีล่ะประมาณ 200-300 ชุด จึงให้ทิมงานออกแบบบและพัฒนาแล้วเสร็จก่อนถึงคริสต์มาส ในปี 1974 แต่เพิ่งมา ประกาศตัวในปีถัดไป สำหรับ CPU ที่ใช้คือ 8080 และคำว่า ไมโครคอมพิวเตอร์ จึงถูกเรียกใช้เป็นครั้งแรกเพื่อชุดคิทคอมพิวเตอร์ชุดนี้
     ชุดคิทของ อัลแตร์ นี้ประกอบด้วย ไมโครโปรเซสเซอร์ 8080 ของบริษัท Intel มี เพาเวอร์ซัพพลาย มีแผงหน้าปัดที่ติดหลอดไฟ เป็นแถวมาให้เพื่อแสดงผล รวมถึงหน่วยความจำ 256 Byte ( แหม.. เหมือนของเล่นเราในสมัยนี้ จังงง ) นอกนั้น ยังมี สล๊อต (Slot) ให้เสียบอุปกร์อื่น ๆ เพิ่มได้ แต่ก็ทำให้ MITS ต้องผิดคาด คือ ภายใน เดือนเดียว มีจดหมายส่งเข้ามาขอสั่งซื้อเป็นจำนวนถึง 4,000 ชุดเลยทีเดียว
     ด้วยชิป 8080 นี่เองได้เป็นแรงดลใจให้บริษัท ดิจิตอลรีเสิร์ช (Digital Research) กำเนิดระบบปฏิบัติการ(Operating System) ที่ชื่อว่า ซีพีเอ็ม(CP/M หรือ Control Program For Microcomputer) ขึ้นมา ในขณะที่ Microsoft ยังเพิ่งออก Microsoft Basic รุ่นแรกเองน่ะ
ถึงยุค Z80 ส่ะที
     เมื่อเดือน พฤศจิกายนปี 1974 ได้มี วิศวกรของ Intel บางคนได้ออกมาตั้งบริษัทผลิตชิปเอง โดยมีชื่อว่า ไซล๊อก (Zilog) เนื่องจาก วิศวกรเหล่านี้ ได้มีส่วนร่ามในการผลิตชิป 8080 ด้วยจึงได้นำเอาเทคโนโลยีการผลิดนี้มาสร้างตัวใหม่ที่ดีกว่า มีชื่อว่า Z80 ยังคงเป็น ชิปขนาด 8 บิต เมื่อได้ออกสู่ตลาดได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้ปรับปรุงข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่มีอยู่ใน 8080 จึงทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ หลายต่อหลายยี่ห้อ หันมาใช้ชิป Z80 กัน แม้แต่ซีพีเอ็ม ก็ยังถูกปรับปรุงให้มาใช้กับ Z80 นี้ด้วย *** แม้ในปัจุบันนี้ Z80 ยังคงถูกใช้งาน และนำไปใช้ ในการเรียนการสอน ไมโครโปรเซสเซอร์ ด้วย เช่น ชุดคิดหรือ Single Board Microcomputer ของ ETT, Sila เป็นต้น และ IC ตัวนี้ยังผลิตขาย อยู่ในปัจจุบัน ในราคา ไม่เกิน 100 บาท น่ะจะบอกให้)
Computer เครื่องแรกของ IBM
     ในปี 1975 ไอพีเอ็ม ได้ออกเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องแรกออกมา แต่ทางไอบีเอ็มได้เรียกเครื่องนี้ว่าเป็น เทอร์มินัลแบบชาญฉลาด ที่สามารถโปรแกรมได้ (Intelligent Programmable Terminal) และตั้งชื่อรุ่นว่า Model 5100 มีหน่วยความจำ 16 Kbyte แล้วยังมีตัวแปลภาษาเบสิก แบบอินเตอร์พรีทเตอร์ (Interpreter) ด้วย และมี ไดรฟ์สำหรับใส่คาร์ทิดจ์เทปในตัว แต่ก็ยังขายไม่ดีเอามาก ๆ เลย เพราะว่าตั้งราคาไว้สูงมากถึง 9,000 เหรียญสหัฐ
     ในปลายปี 1980 บริษัทไอบีเอ็มได้เกิดแผนกเล็ก ๆ ขึ้นมาแผนกหนึ่งเรียกว่า Entry Systems Division ภายใต้ทีมของคนชื่อว่า ดอน เอสทริดจ์ (Don Estridge) และนักออกแบบอีก 12 คน โดยได้รับมอบหมายให้พัฒนาเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของไอบีเอ็มโมเด็ล 5100 นั้นเอง โดยนำเอาจุดเด่นของเครื่อง ที่ขายดีมารวมไว้ในการออกแบบเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ของไอบีเอ็ม และผลิตจำหน่ายได้ภายในปีเดียวภายใต้ชื่อว่า ไอบีเอ็มพีซี (IBM PC) ซึ่งถูกเปิดตัวในเดือน สิหาคม ปี 1981 และยอดขายของเครื่องพีซีก็ได้พุ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทอื่น ๆ จับตามอง
กำเนิด แอปเปิ้ล
     ในปี 1976 หลังจาก Stephen Wozniak และ Steve Jobs ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ (Apple Computer) และได้นำเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องแรกที่ประดิษฐ์จากโรงรถออกมาขายโดยใช้ชื่อว่า Apple I ในราคา 695 เหรียญ บริษัทแอปเปิลได้ผลิตเครื่อง Apple I ออกมาไม่มากนัก ภายในปีเดียวได้ผลิต Apple II ออกมา และรุ่นนี้เป็นรุ่นเปิดศักราชแห่งวงการไมโครคอมพิวเตอร์ และเป็นการสร้างมาตรฐาน ที่ไมโครคอมพิวเตอร์ ที่เกิดมาตามหลังทั้งหมดต้องทำตาม
ข้อมูลจาก www.sanambin.com