อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าประเด็นเรื่องฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในตอนนี้ เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ผู้ประกอบการอสังหาฯได้จับตาเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ธนาคารเองก็ไม่ได้ปล่อยสินเชื่ออย่างเกินตัว ถ้าหากผู้เกี่ยวข้องยังร่วมมือกันอย่างดี โอกาสที่จะเกิดฟองสบู่น่าจะยาก
วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556
อสังหาริมทรัพย์ประเภทบ่อนรอบบ้านเรา
เมื่อเร็วๆ นี้ ผมไปบ่อนหรือเรียกให้เท่ๆ หน่อยก็คือกาสิโนที่มารินาเบย์แซนด์ส ประเทศสิงคโปร์
ผมยังเคยไปประเมินที่ดินทำบ่อนที่ลาว และประชุมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ไปเจอบ่อนมากมายที่มาเก๊า รวมทั้งเมืองอื่นๆ ในออสเตรเลียและอเมริกา วันนี้จึงขออนุญาตเขียนเรื่องบ่อนสักหน่อยครับ
น่าแปลกที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยเรา มีบ่อนการพนันมากมาย เช่น มาเลเซียที่เป็นประเทศมุสลิม ก็มีเก็นติ้ง ตั้งมาราว 30 ปี เดี๋ยวนี้ที่สิงคโปร์ก็มีบ่อนถึง 2 แห่งคือที่มารินาเบย์แซนด์ส และที่เกาะสวนสนุกเซ็นโตซา ว่ากันว่าสิงคโปร์คงโหยหิวมานานเลยเล่นทีเดียว 2 บ่อนซะเลย ยิ่งกว่านั้นที่มาเก๊าและฮ่องกงก็มีมานานแล้ว
หลังสงครามอินโดจีน เมื่อประเทศไทยสามารถเปลี่ยนจากสนามรบเป็นสนามการค้าได้ ประเทศโดยรอบก็มีบ่อนเกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะตามตะเข็บชายแดนไทยกับพม่า ลาว และกัมพูชา ไม่เฉพาะแต่กับชายแดนไทย ชายแดนกัมพูชา-เวียดนามก็มี ลาว-จีน หรือชายแดนหรือเมืองท่องเที่ยวเวียดนามที่ชาวจีนตอนใต้เช่นไหหลำมักไปท่องเที่ยวก็มีบ่อน เป็นต้น
อาจกล่าวได้ว่าบ่อนมีตามเมืองชายแดนแทบทุกแห่ง ยกเว้นในพื้นที่ประเทศไทย ผมจึงมักพูดเล่นเวลาบรรยายเรื่องมาตรฐานปฏิบัติและจรรยาบรรณทางวิชาชีพ ในหลักสูตรปริญญาเอกหรือในเวทีต่างๆ บ่อยๆ ว่าที่เมืองไทยไม่มีบ่อนนั้นเพราะ "ฮุนเซน" คงซื้อคนสอนศีลธรรมไทยไปหมดแล้ว จึงมักสอนกันว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ไม่พึงมีบ่อนการพนัน คนที่ได้ประโยชน์ก็คือ "ฮุนเซน" ที่คงมีเอี่ยวในบ่อนชายแดนไทย-เขมร ถ้าเราเกลียด "ฮุนเซน" เราต้องส่งเสริมให้ไทยมีบ่อน รับรองว่าบ่อนเขมรหรือชายแดนอื่นเจ๊งหมดแน่ เพราะลูกค้าล้วนแต่เป็นคนไทยทั้งสิ้น
ปรากฏการณ์ที่เหลือเชื่ออีกอย่างหนึ่งก็คือ แม้ประเทศไทยจะไม่มีบ่อนอย่างเป็นทางการ หรือถือว่าบ่อนเป็นสถานที่ผิดกฎหมาย แต่ในความเป็นจริง มีบ่อนอยู่มากมาย ตำรวจเข้าทลายบ่อนเป็นระยะๆ และที่ไม่ทลายก็คงมีอีกเป็นจำนวนมาก อาจกล่าวได้ว่ามีบ่อนทุกหัวระแหงก็ว่าได้ ยิ่งกว่านั้นยังมีบ่อนถูกกฎหมายอยู่เหมือนกัน เช่น การแข่งม้า เป็นต้น
ผมไปประเมินค่าที่ดินที่จะทำบ่อนโดยนักลงทุนมาเลเซียในชายแดนลาวพบว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวมีราคาคิดเป็นเงินไทยคงไร่ละ 20 ล้านบาท ขณะที่ที่ดินฝั่งไทยที่ใช้เพื่อการเกษตรหรือทำธุรกิจทั่วไป คงมีราคาไร่ละไม่ถึงล้าน นี่เป็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงของศักยภาพของที่ดินที่ใช้ทำธุรกิจที่ได้กำไรงาม กับที่ใช้กันตามปกติ
สำหรับการเสียภาษีบ่อนนั้น สิงคโปร์กำหนดให้บ่อนต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และเสียภาษีของกิจการอีก 17% ทำให้รัฐบาลมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการนี้ สำหรับที่มาเลเซีย รัฐบาลเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่ายประมาณ 30% ส่วนที่มาเก๊าเขาเก็บหนักถึง 35% และยังหักเพื่อสังคมอีก 2-3% รวมแล้วเกือบ 40% ของรายได้สุทธิของบ่อน สำหรับที่สหรัฐอเมริกา เสียภาษี 7.5% - 32% (มลรัฐอินเดียนา) ของรายได้สุทธิ
รายได้จำนวนมหาศาลนี้สามารถนำมาพัฒนาประเทศได้มากมาย แต่หลายคนมองว่าเป็นภาษีบาป แต่ในความเป็นจริงนั้น คนที่เล่นการพนัน ก็มักจะเล่นเป็นอาชีพ เป็น "เซียน" แต่ก็ถือเป็นส่วนน้อย คนส่วนใหญ่ที่เล่นมักเป็นนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ซึ่งแต่ละคนอาจใช้จ่ายเงินหรืออีกนัยหนึ่ง "บริจาคเงินให้บ่อน" เพื่อการนี้ไม่มาก แต่โดยที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมาก จึงได้เงินจากส่วนนี้มากเป็นพิเศษ
บางท่านอาจกล่าวว่าการมีบ่อนการพนันทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรม แต่นี่เป็นความเข้าใจผิด อย่างกรณีคดีฆ่ากันตายนั้น อัตราของฮ่องกงคือ 0.2 สิงคโปร์ 0.3 มาเก๊า 0.7 ส่วนมาเลเซียคือ 2.3 สำหรับประเทศไทยที่ไม่มีบ่อน กลับมีอัตราสูงถึง 4.8 นอกจากนั้นในกรณีของอินโดนีเซีย ก็มีอัตราสูงถึง 8.1 ทั้งที่ไม่มีบ่อน ในความเป็นจริง การมีบ่อนที่ถูกต้องตามกฎหมาย อาจช่วยลดอาชญากรรมที่เกิดจากการมีบ่อนผิดกฎหมายก็ได้
ในกรณีสิงคโปร์ ยังมีข้อกำหนดพิเศษว่า หากคนสิงคโปร์จะเข้าบ่อน จะต้องเสียค่าธรรมเนียมหัวละ 100 ดอลลาร์สิงคโปร์หรือประมาณ 2,500 บาท แต่หากเป็นชาวต่างประเทศ ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพียงแสดงหนังสือเดินทางให้เห็นเท่านั้น จะสังเกตได้ว่าประชาชนที่อยู่ตามเมืองบ่อนการพนันนั้น ไม่ได้ติดการพนันกันงอมแงมดังที่เราเข้าใจ แม้จะอยู่ใกล้บ่อนก็ตาม ผู้คนก็มีการเรียนรู้และมีภูมิคุ้มกันด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่ง "คุณพ่อแสนดี" เช่น นายลีกวนยิว บิดาแห่งสิงคโปร์ไปเสียทุกเรื่อง
กรณีตัวอย่างหนึ่งก็คือรายได้ของบ่อนในลาสเวกัสเป็นเงินประมาณ 155,010 ล้านบาท แต่มีรายได้จากค่าที่พักอีก 93,180 ล้านบาท และจากอาหารและเครื่องดื่มอีก 87,690 ล้านบาท ความพยายามของเก็นติ้ง และบ่อนการพนัน 2 แห่งในสิงคโปร์ และอาจรวมถึงเกาะกงของกัมพูชา ก็คงหมายมั่นที่จะมีรายได้จากการอื่นเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน
ลำพังการพัฒนาพื้นที่ การซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์เพื่อการพนัน คงเป็นเงินไม่มากนัก และใช้พื้นที่ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับส่วนที่เป็นที่พัก อาหารเครื่องดื่ม ตลอดจนแหล่งจับจ่ายใช้สอยต่างๆ โดยกรณีมารินาเบย์แซนด์ส มีศูนย์การค้าและศูนย์ประชุมขนาดใหญ่พิเศษสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวและการจัดงานประชุมสัมมนาและแม้กระทั่งงานแต่งงาน
ดังนั้นการใช้บ่อนเป็นตัวชูโรง (Anchor Tenant) จึงคุ้มค่ามาก ทุกวันนี้ใครไปสิงคโปร์แล้วไม่ได้ไปพักหรือไปเที่ยวเล่นที่มารินาเบย์แซนด์ส ก็คงถือว่าไปไม่ถึงสิงคโปร์แล้ว การพัฒนาบ่อนการพนันจึงเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)