วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เศรษฐีเพย์พาล เล็งสร้างยานความเร็วสูง “ไฮเปอร์ลูป“ เร็วกว่ารถไฟไฮสปีด

เศรษฐีเพย์พาล เล็งสร้างยานความเร็วสูง “ไฮเปอร์ลูป“ เร็วกว่ารถไฟไฮสปีด
มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง "เพย์พาล" เปิดโครงการคิดค้นยานความเร็วสูง "ไฮเปอร์ลูป" ที่จะทำให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางจากลอสแอนเจลิสไปยังซานฟรานซิสโกได้ในเวลา แค่ 30 นาที
นายเอลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจชำระเงินทางอินเทอร์เน็ตที่มีชื่อว่า เพย์พาล เปิดเผยระบบขนส่งความเร็วสูงสำหรับอนาคตนี้ว่า เกิดความคิดนี้เมื่อได้อ่านเรื่องโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูงของรัฐแคลิฟอร์เนียและรู้สึกผิดหวัง เนื่องจากพิจารณาดูแล้ว เดินทางด้วยเครื่องบินยังจะถึงเร็วกว่าและสะดวกมากกว่า พร้อมกับระบุว่ายานไฮเปอร์ลูปจะเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางในระยะไม่เกิน1,600 กิโลเมตร โดยใช้เวลาน้อยที่สุด เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด แถมยังปลอดภัยที่สุดอีกด้วย
ยานไฮเปอร์ลูปนี้จะเป็นแคปซูลที่ สามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงไปภายในท่อที่เชื่อมต่อระหว่างต้นทางไปยังจุด หมายปลายทางต่างๆโดยอาศัยแรงกดอากาศทั้งสูงและต่ำภายในท่อและภายในแคปซูลยัง มีระบบหยุดฉุกเฉิน กับระบบสำรองอากาศในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น
สำหรับค่าก่อสร้างทั้งระบบมีมูลค่าราว 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เฉพาะการขนส่งผู้โดยสาร แต่หากขนส่งสินค้าด้วย จะต้องเพิ่มเป็น 5,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และใช้เวลาในการก่อสร้างราว 7 ปี โดยตนจะลงมือก่อสร้างแคปซูลต้นแบบเอง
นายมาร์ติน อาร์เชอร์ จากสถาบันอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน เผยว่าแนวความคิดของนายมัสก์มีความเป็นไปได้สูง เพราะจากผลสำเร็จของนายมัสก์ที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เขาทำความฝันให้เป็นความจริงสำเร็จมาแล้ว เช่น การสร้างรถยนต์ไฟฟ้าให้มีความเร็วสูงได้สำเร็จ และยังสร้างจรวดให้แก่องค์การนาซ่าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นายมัสก์กล่าวว่า ไม่สงวนสิทธิที่คนอื่นจะนำเอาไอเดียของตนไปทำ เพราะตนยังคงปักหลักอยู่กับการผลิตรถไฟฟ้าและจรวดอยู่ต่อไป

เพิ่มฟังก์ชั่นบ้านไซส์เล็ก ตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือน



เพิ่มฟังก์ชั่นบ้านไซส์เล็ก ตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือน
วิกฤติหรือโอกาส "คนสร้างบ้าน" ในสถานการณ์ปัจจุบัน กับการปรับขนาดให้เล็ก แต่เพิ่มฟังก์ชั่น ดีไซน์การใช้งานเต็มพื้นที่ และเทคโนโลยีสำเร็จรูป พรีแฟบ แก้ปัญหาแรงงานขาดได้ถาวรหรือไม่

นี่เป็นโอกาสของผู้ที่กำลังต้องการจะสร้างบ้าน ในช่วงครึ่งปีหลัง 2556 ไปจนถึงปลายปี เนื่องจากเป็นช่วงที่เศรษฐกิจ อยู่ในภาวะชะลอตัวจากปัจจัยรอบด้าน และมีแรงงานเข้าสู่ระบบมากขึ้น ประกอบ
กับในขณะนี้ราคาบ้านในตลาดค่อนข้างนิ่งและเป็นราคาที่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามปีหน้าคาดว่าวิกฤติแรงงานจะกลับมาอยู่ในภาวะวิกฤติอีกครั้งหากสถาน-การณ์ทางเศรษฐกิจมีการขยายตัว ซึ่งแน่นอนว่าราคาบ้านจะต้องปรับสูงขึ้นตาม และหากจะให้ราคาบ้านกลับมาถูกเหมือน เดิมคงเป็นไปได้ยาก

นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ กล่าวถึง การวางกลยุทธ์ ทางการตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ว่ายังคงเน้นทำตลาดครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกเซ็กเมนต์ตามนโย-บายหลักของบริษัทแต่จะวางกลยุทธ์เพิ่มเติมในส่วนของเป้าหมายให้
บริษัท สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด ขึ้นเป็นเจ้าตลาดรับสร้างบ้านขนาดเล็กในระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันตลาดรับสร้างบ้านในระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านนั้น ยังมีความ ต้องการในส่วนของผู้บริโภคอยู่เป็นจำนวน มาก

แต่มีบริษัทและผู้ประกอบการรับสร้างบ้านในกลุ่มนี้น้อยมาก ด้วยเหตุนี้กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ จึงมีความต้องการที่จะเข้าไปเพิ่มแชร์ในส่วนนี้ให้มากขึ้น ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจในเทคโนโลยีและ
ระบบการก่อสร้างของกลุ่มบริษัทว่าจะสามารถ บริการได้อย่างมีคุณภาพและราคาไม่แพง และด้วยศักยภาพในการก่อสร้างบ้านด้วยระบบสำเร็จรูป พร้อมทั้งการดีไซน์แบบบ้านสมัยใหม่จึงเชื่อว่าจะตรงใจ

"ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบบนพื้นที่การปลูกสร้างขนาดเล็ก โดยมีดีไซน์บ้านที่หลากหลายมากกว่า 20 แบบ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อการผลักดันบริษัทให้เป็นเจ้าตลาดบ้านขนาดเล็กได้ไม่ยาก"

สำหรับเป้าหมายของ บิวท์ ทู บิวด์ ในปี 2556 หลังจากที่ได้มีการปรับเป้าหมายทางการตลาดตามสภาวะเศรษฐกิจแล้ว เพราะในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาขาย ได้น้อยกว่าช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยสัดส่วนประมาณ 40% ครึ่งปีหลังจึงคาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 60% รวมทั้งปี 800 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกทำได้ 300 ล้านบาทแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยและวิกฤติแรงงานส่งผลทำให้ต้นทุนก่อสร้างโดยรวมปรับสูงขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งมีผลต่อราคาที่อยู่อาศัยทางผู้ประกอบการส่วนใหญ่จำเป็นต้องปรับราคาบ้านให้สูงขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

"ตนในฐานะ "คนสร้างบ้าน" มองว่าการปรับราคาบ้านโดยการผลักภาระให้กับผู้บริโภคก็เป็นทางออกทางหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก เพราะหากจะสามารถ ยืนอยู่ท่ามกลางวิกฤติดังกล่าวได้นั้น .
ผู้ประกอบการจะต้องพยายามบริหารและควบคุมต้นทุนให้ต่ำที่สุดและเวลาเดียว กันต้องเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพงานให้สอดคล้องกับต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น"

ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องเรียนรู้และใส่ใจความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าผู้บริโภคมีการแสวงหาความรู้ ข้อมูล รวมทั้งแลกเปลี่ยน
ความรู้รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งกันและกันได้จากอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นช่องทางที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบันอย่างมาก ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวทั้งด้าน กลยุทธ์และด้านนโยบายในการประกอบธุรกิจอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจต่อผู้บริโภคมากที่สุด

ทางออกของการแก้ปัญหาดังที่กล่าวในส่วนของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ได้ใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างบ้านด้วยระบบสำเร็จรูป (พรีแฟบ) ช่วยคลี่คลายปัญหาแรงงานให้ใช้แรงงานน้อยลง สามารถสร้างบ้านได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังลดค่าก่อสร้าง ให้น้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น