วิกฤติหรือโอกาส "คนสร้างบ้าน" ในสถานการณ์ปัจจุบัน
กับการปรับขนาดให้เล็ก แต่เพิ่มฟังก์ชั่น ดีไซน์การใช้งานเต็มพื้นที่
และเทคโนโลยีสำเร็จรูป พรีแฟบ แก้ปัญหาแรงงานขาดได้ถาวรหรือไม่
นี่เป็นโอกาสของผู้ที่กำลังต้องการจะสร้างบ้าน ในช่วงครึ่งปีหลัง 2556
ไปจนถึงปลายปี
เนื่องจากเป็นช่วงที่เศรษฐกิจ อยู่ในภาวะชะลอตัวจากปัจจัยรอบด้าน
และมีแรงงานเข้าสู่ระบบมากขึ้น ประกอบ
กับในขณะนี้ราคาบ้านในตลาดค่อนข้างนิ่งและเป็นราคาที่เหมาะสม
แต่อย่างไรก็ตามปีหน้าคาดว่าวิกฤติแรงงานจะกลับมาอยู่ในภาวะวิกฤติอีกครั้งหากสถาน-การณ์ทางเศรษฐกิจมีการขยายตัว
ซึ่งแน่นอนว่าราคาบ้านจะต้องปรับสูงขึ้นตาม และหากจะให้ราคาบ้านกลับมาถูกเหมือน
เดิมคงเป็นไปได้ยาก
นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ กล่าวถึง
การวางกลยุทธ์ ทางการตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์
ว่ายังคงเน้นทำตลาดครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกเซ็กเมนต์ตามนโย-บายหลักของบริษัทแต่จะวางกลยุทธ์เพิ่มเติมในส่วนของเป้าหมายให้
บริษัท สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด
ขึ้นเป็นเจ้าตลาดรับสร้างบ้านขนาดเล็กในระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
ซึ่งปัจจุบันตลาดรับสร้างบ้านในระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านนั้น
ยังมีความ ต้องการในส่วนของผู้บริโภคอยู่เป็นจำนวน มาก
แต่มีบริษัทและผู้ประกอบการรับสร้างบ้านในกลุ่มนี้น้อยมาก
ด้วยเหตุนี้กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์
จึงมีความต้องการที่จะเข้าไปเพิ่มแชร์ในส่วนนี้ให้มากขึ้น
ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจในเทคโนโลยีและ
ระบบการก่อสร้างของกลุ่มบริษัทว่าจะสามารถ
บริการได้อย่างมีคุณภาพและราคาไม่แพง
และด้วยศักยภาพในการก่อสร้างบ้านด้วยระบบสำเร็จรูป
พร้อมทั้งการดีไซน์แบบบ้านสมัยใหม่จึงเชื่อว่าจะตรงใจ
"ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบบนพื้นที่การปลูกสร้างขนาดเล็ก
โดยมีดีไซน์บ้านที่หลากหลายมากกว่า 20 แบบ
ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อการผลักดันบริษัทให้เป็นเจ้าตลาดบ้านขนาดเล็กได้ไม่ยาก"
สำหรับเป้าหมายของ บิวท์ ทู บิวด์ ในปี 2556 หลังจากที่ได้มีการปรับเป้าหมายทางการตลาดตามสภาวะเศรษฐกิจแล้ว
เพราะในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาขาย ได้น้อยกว่าช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยสัดส่วนประมาณ 40%
ครึ่งปีหลังจึงคาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ
60% รวมทั้งปี 800 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกทำได้ 300 ล้านบาทแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยและวิกฤติแรงงานส่งผลทำให้ต้นทุนก่อสร้างโดยรวมปรับสูงขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งมีผลต่อราคาที่อยู่อาศัยทางผู้ประกอบการส่วนใหญ่จำเป็นต้องปรับราคาบ้านให้สูงขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
"ตนในฐานะ "คนสร้างบ้าน"
มองว่าการปรับราคาบ้านโดยการผลักภาระให้กับผู้บริโภคก็เป็นทางออกทางหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก
เพราะหากจะสามารถ ยืนอยู่ท่ามกลางวิกฤติดังกล่าวได้นั้น .
ผู้ประกอบการจะต้องพยายามบริหารและควบคุมต้นทุนให้ต่ำที่สุดและเวลาเดียว
กันต้องเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพงานให้สอดคล้องกับต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น"
ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องเรียนรู้และใส่ใจความต้องการของผู้บริโภค
ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าผู้บริโภคมีการแสวงหาความรู้ ข้อมูล รวมทั้งแลกเปลี่ยน
ความรู้รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งกันและกันได้จากอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นช่องทางที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบันอย่างมาก
ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวทั้งด้าน
กลยุทธ์และด้านนโยบายในการประกอบธุรกิจอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจต่อผู้บริโภคมากที่สุด
ทางออกของการแก้ปัญหาดังที่กล่าวในส่วนของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์
ได้ใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างบ้านด้วยระบบสำเร็จรูป (พรีแฟบ) ช่วยคลี่คลายปัญหาแรงงานให้ใช้แรงงานน้อยลง
สามารถสร้างบ้านได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังลดค่าก่อสร้าง ให้น้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น