โดย...ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บริษัทเสนาดีเวลลอปเม้นท์
ดิฉันคิดว่าสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่วิตกกังวลว่าอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนโดกำลังเกิดภาวะฟองสบู่ขึ้น ก็คงเป็นเพราะกระแสความต้องการคอนโดที่มีมากอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการทั้งที่เป็นมืออาชีพและไม่เป็นมืออาชีพ ต่างก็ให้ความสนใจพัฒนาคอนโดกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งดิฉันเองเห็นพ้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยอดขายที่ทวีความร้อนแรง รวมถึงอุปทานในตลาดที่มีอยู่มากมาย ล้วนเป็นสัญญาณเตือนที่อาจจะก่อให้เกิดความกังวลในแง่ภาวะฟองสบู่ได้
เห็นได้จากผลสำรวจล่าสุดของบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) ที่พบว่า จำนวนห้องชุดทั้งหมดที่เปิดตัวใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 มีทั้งสิ้น 34,378 หน่วย เพิ่มขึ้นถึง 26.93% ของจำนวนห้องชุดที่เปิดตัวใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 โดยทำเลส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตปริมณฑลมากถึง 74% ของจำนวนห้องชุดทั้งหมด รองลงมาเป็นบริเวณในเขตเมืองของกรุงเทพฯ และชานเมือง คิดเป็น 16% และ 10% ตามลำดับ ทั้งนี้ เนื่องจากมีการขยายตัวของเส้นทางรถไฟฟ้า จึงทำให้เขตปริมณฑลมีการพัฒนาโครงการกันมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ดิฉันคิดว่ากระแสความต้องการคอนโดนั้น เป็นกระแสที่เกิดขึ้นจริงจากพฤติกรรมการอยู่อาศัย และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ยกตัวอย่างเช่น สภาวะเศรษฐกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าครองชีพของคนไทยสูงขึ้น ประกอบกับลักษณะทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จำนวนคนต่อครัวเรือนที่ลดลงเรื่อยๆ โดยในปี 2554 มีจำนวนคนต่อครัวเรือนเฉลี่ยอยู่เพียง 2.27 คน คนหนุ่มสาวแต่งงานช้าลงหรืออยู่เป็นโสดกันมากขึ้น ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ จนเกิดเป็นกระแส “Urban City Lifestyle”
เพราะหากเรามองย้อนกลับไปในอดีต ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยหลายๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น|ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยไม่แต่งงานและมีลูกน้อยลง ลูกไม่ได้อยู่อาศัยกับพ่อแม่เพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นครอบครัวเดี่ยว คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมนอกบ้านและใช้เวลาอยู่กับครอบครัวน้อยลง ฯลฯ
สอดคล้องกับผลการศึกษาของฝ่ายวิจัยธุรกิจ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ที่พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ซื้อคอนโดจะมีอายุอยู่ในช่วง 26-35 ปี สถานภาพโสดหรือยังไม่แต่งงาน การศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้ต่อเดือนอยู่ในช่วง 1.5-3 หมื่นบาท นิยมคอนโดที่มีขนาด 1 ห้องนอน เพราะมีความเป็นส่วนตัวและพอมีกำลังซื้อได้ โดยมีสมาชิกอาศัยอยู่รวมกันไม่เกิน 2 คน ส่วนใหญ่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้สถานที่ทำงาน เดินทางสะดวก อาจไม่จำเป็นต้องติดรถไฟฟ้าเสมอไป
แนวโน้มการเติบโตของคอนโดส่วนมากจะตั้งอยู่ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง หรือระบบขนส่งมวลชนที่มีความหลากหลาย อันตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มีงบประมาณการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างจำกัด สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ในทำเลที่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก หรืออยู่ใกล้กับที่ทำงาน ทำให้การเดินทางมีความสะดวกรวดเร็ว เพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อนหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นได้มากขึ้น
คนรุ่นใหม่จึงนิยมซื้อคอนโดเป็นที่อยู่อาศัยหลังแรก และส่วนมากก็ไม่คิดว่าจะซื้อคอนโดเป็นที่อยู่อาศัยเพียงหลังเดียว หรือหลังสุดท้ายในชีวิต ดังนั้น จึงทำให้มีการตัดสินใจซื้อที่เร็วและง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับการตัดสินใจซื้อบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ นอกจากคอนโดจะตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ในเรื่องการอยู่อาศัยแล้ว ยังตอบโจทย์ในเรื่องการลงทุนอีกด้วย เพราะเมื่อปริมาณความต้องการคอนโดที่สูงขึ้น ก็จะทำให้คอนโดเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนไม่ว่าจะเป็นการซื้อไว้เพื่อปล่อยเช่า หรือขายทำกำไร เนื่องจากมีสภาพคล่องและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค
ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย ที่จะส่งผลต่อพฤติกรรมและรูปแบบการอยู่อาศัยในอนาคต ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องธรรมชาติที่เมื่อโลกหมุนไป ความเปลี่ยนแปลงก็ย่อมเกิดขึ้น แต่คอนโดจะยังคงเป็นรูปแบบการอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้ไม่ว่าจะซื้อเพื่อการอยู่อาศัย หรือจะซื้อเพื่อการลงทุนก็ตามที จึงไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่ทำให้กระแสความต้องการคอนโดมีมากมายอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนเช่นในปัจจุบันค่ะ
ดิฉันคิดว่าสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่วิตกกังวลว่าอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนโดกำลังเกิดภาวะฟองสบู่ขึ้น ก็คงเป็นเพราะกระแสความต้องการคอนโดที่มีมากอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการทั้งที่เป็นมืออาชีพและไม่เป็นมืออาชีพ ต่างก็ให้ความสนใจพัฒนาคอนโดกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งดิฉันเองเห็นพ้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยอดขายที่ทวีความร้อนแรง รวมถึงอุปทานในตลาดที่มีอยู่มากมาย ล้วนเป็นสัญญาณเตือนที่อาจจะก่อให้เกิดความกังวลในแง่ภาวะฟองสบู่ได้
เห็นได้จากผลสำรวจล่าสุดของบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) ที่พบว่า จำนวนห้องชุดทั้งหมดที่เปิดตัวใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 มีทั้งสิ้น 34,378 หน่วย เพิ่มขึ้นถึง 26.93% ของจำนวนห้องชุดที่เปิดตัวใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 โดยทำเลส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตปริมณฑลมากถึง 74% ของจำนวนห้องชุดทั้งหมด รองลงมาเป็นบริเวณในเขตเมืองของกรุงเทพฯ และชานเมือง คิดเป็น 16% และ 10% ตามลำดับ ทั้งนี้ เนื่องจากมีการขยายตัวของเส้นทางรถไฟฟ้า จึงทำให้เขตปริมณฑลมีการพัฒนาโครงการกันมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ดิฉันคิดว่ากระแสความต้องการคอนโดนั้น เป็นกระแสที่เกิดขึ้นจริงจากพฤติกรรมการอยู่อาศัย และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ยกตัวอย่างเช่น สภาวะเศรษฐกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าครองชีพของคนไทยสูงขึ้น ประกอบกับลักษณะทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จำนวนคนต่อครัวเรือนที่ลดลงเรื่อยๆ โดยในปี 2554 มีจำนวนคนต่อครัวเรือนเฉลี่ยอยู่เพียง 2.27 คน คนหนุ่มสาวแต่งงานช้าลงหรืออยู่เป็นโสดกันมากขึ้น ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ จนเกิดเป็นกระแส “Urban City Lifestyle”
เพราะหากเรามองย้อนกลับไปในอดีต ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยหลายๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น|ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยไม่แต่งงานและมีลูกน้อยลง ลูกไม่ได้อยู่อาศัยกับพ่อแม่เพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นครอบครัวเดี่ยว คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมนอกบ้านและใช้เวลาอยู่กับครอบครัวน้อยลง ฯลฯ
สอดคล้องกับผลการศึกษาของฝ่ายวิจัยธุรกิจ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ที่พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ซื้อคอนโดจะมีอายุอยู่ในช่วง 26-35 ปี สถานภาพโสดหรือยังไม่แต่งงาน การศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้ต่อเดือนอยู่ในช่วง 1.5-3 หมื่นบาท นิยมคอนโดที่มีขนาด 1 ห้องนอน เพราะมีความเป็นส่วนตัวและพอมีกำลังซื้อได้ โดยมีสมาชิกอาศัยอยู่รวมกันไม่เกิน 2 คน ส่วนใหญ่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้สถานที่ทำงาน เดินทางสะดวก อาจไม่จำเป็นต้องติดรถไฟฟ้าเสมอไป
แนวโน้มการเติบโตของคอนโดส่วนมากจะตั้งอยู่ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง หรือระบบขนส่งมวลชนที่มีความหลากหลาย อันตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มีงบประมาณการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างจำกัด สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ในทำเลที่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก หรืออยู่ใกล้กับที่ทำงาน ทำให้การเดินทางมีความสะดวกรวดเร็ว เพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อนหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นได้มากขึ้น
คนรุ่นใหม่จึงนิยมซื้อคอนโดเป็นที่อยู่อาศัยหลังแรก และส่วนมากก็ไม่คิดว่าจะซื้อคอนโดเป็นที่อยู่อาศัยเพียงหลังเดียว หรือหลังสุดท้ายในชีวิต ดังนั้น จึงทำให้มีการตัดสินใจซื้อที่เร็วและง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับการตัดสินใจซื้อบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ นอกจากคอนโดจะตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ในเรื่องการอยู่อาศัยแล้ว ยังตอบโจทย์ในเรื่องการลงทุนอีกด้วย เพราะเมื่อปริมาณความต้องการคอนโดที่สูงขึ้น ก็จะทำให้คอนโดเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนไม่ว่าจะเป็นการซื้อไว้เพื่อปล่อยเช่า หรือขายทำกำไร เนื่องจากมีสภาพคล่องและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค
ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย ที่จะส่งผลต่อพฤติกรรมและรูปแบบการอยู่อาศัยในอนาคต ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องธรรมชาติที่เมื่อโลกหมุนไป ความเปลี่ยนแปลงก็ย่อมเกิดขึ้น แต่คอนโดจะยังคงเป็นรูปแบบการอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้ไม่ว่าจะซื้อเพื่อการอยู่อาศัย หรือจะซื้อเพื่อการลงทุนก็ตามที จึงไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่ทำให้กระแสความต้องการคอนโดมีมากมายอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนเช่นในปัจจุบันค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น